เปิดใจ "ป้าจุ๊" เอือมรัฐช่วยหมาแค่กระแส โอดกว่าพันตัวภาระครึ่งล้านต่อเดือน (คลิป)

หลังจากเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) นายพีระบุญ เจริญวัย หรือ "ปุ๋ม" ประธานองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ The Hope Thailand ได้นำสุนัขจรจัดจำนวน 4-5 ตัว ซึ่งเป็นสุนัขที่สร้างความเดือดร้อน และทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านในชุมชนการเคหะท่าจีน จ.สมุทรสาคร เพื่อทำการขนย้ายไปยังบ้านป้าจุ๊ บ้านพักสี่ขาเพื่อสุนัขจร ที่ ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

วันนี้ (24 มี.ค.) ทีมข่าวเดินทางมาพบกับ นางจุติภรณ์ ปรีชาสุชาติ หรือ "ป้าจุ๊" เจ้าของบ้านพักสี่ขาเพื่อหมาจร กล่าวว่า จุดที่ทำให้ตนเปิดบ้านบ้านพักพิงสุนัข เพราะตนเคยเจอสุนัขจรจัดป่วย จึงนำมาดูแลรักษา หลังจากนั้น จึงช่วยเหลือสุนัขมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งตอนนี้ ที่บ้านมีสุนัขที่อยู่ในความดูแลกว่า 1,000 ตัว ทั้งนี้ สุนัขที่ถูกนำมาเลี้ยง ก็มีทั้งสุนัขจรจัดที่มาจากหน่วยงานต่างๆ และจากที่ตนรับมาดูแลไว้ ทั้งสุนัขถูกเจ้าของทิ้ง , สุนัขพิการ , สุนัขโดนรถชนบาดเจ็บ รวมถึงสุนัขมาเฟียทำความเดือดร้อนให้คนอื่น จนตอนนี้ พื้นที่เลี้ยงดูไม่เพียงพอต่อจำนวนของสุนัข

ส่วนวิธีการดูแล จะต้องแบ่งสุนัขออกเป็นส่วนๆ เลี้ยงตามนิสัย พฤติกรรมของสุนัขแต่ละตัว เวลาที่รับสุนัขมาก็จะยังไม่ปล่อยเข้ากลุ่ม ต้องเลี้ยงไว้ในคอกเพื่อดูพฤติกรรม สำหรับเรื่องการให้อาหารสุนัข ตนจะให้อาหารวันละ 32 กระสอบ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ตกเดือนละ 400,000-500,000 บาท หากรวมค่าอาหารแล้ว ก็ร่วมหลักล้านบาทต่อเดือน ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในภาวะวิกฤติ พบว่าอาหารไม่เพียงพอต่อจำนวนสุนัขที่รับไว้ ป้าจุ๊ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่า ในอนาคตยอดการบริจาคอาจเริ่มลดน้อยลง ตนได้เลี้ยงดูสุนัขแบบนี้เข้าปีที่ 11 และไม่เคยมีหน่วยงานใดเข้ามาให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย และการเข้ามาฉีดวัคซีนให้ ซึ่งตนต้องใช้วิธีการ ขอรับบริจาคเงินเพื่อมาฉีดวัคซีนสุนัข รวมถึงทำหมันสุนัขเอง อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเคยชินกับการทำงานของภาครัฐ ที่พอเกิดกระแสครั้งหนึ่ง ก็จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือเรื่องวัคซีนแต่พอกระแสหมดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้ เรื่องกรณี set zero ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ เพราะสุนัขก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าเขาเลือกได้ก็คงไม่เกิดมาเป็นสุนัขจรจัดแบบนี้ ชีวิตของเขา เราจะไปตัดสินได้อย่างไร หากเจอพิษสุนัขบ้าก็กำจัดเป็นตัวๆ ไป ไม่ใช่นำมากวาดล้างทั้งหมด

ปัญหาสุนัขจรจัดควรยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติได้แล้ว และทำหมันให้สุนัขทุกตัว ซึ่งเงินนั้น ควรจะมาจากภาครัฐ แต่ทุกวันนี้ บ้านพักพิงสุนัขทุกหลังกลับต้องดิ้นรนกันหาเงินมาทำหมันสุนัขเอง เพราะหากหวังความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐมันยาก ยอมรับว่า คนเลี้ยงสุนัขท้อแท้ทุกคน แต่เมื่อตั้งใจมาทำตรงนี้แล้ว เราก็ต้องสู้เพื่อพวกเขาต่อไป ต้องทำให้สุนัขมีบ้าน อยากจัดตั้งมูลนิธิ แต่หากภาครัฐต้องการจัดเก็บภาษี ตนก็อยากจะถามกลับว่า เมื่อเสียภาษีแล้ว สุนัขพวกนี้จะได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง ในเมื่อคนได้รับค่ารักษาพยาบาล 30 บาท แต่สุนัขเหล่านี้ไม่ได้รับค่ารักษาพยาบาลที่ถูกลง บางโรงพยาบาล หากไม่มีเงิน สุนัขก็แทบจะไม่ได้รับการรักษาเลย