กรณีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งลงทางถนน บริเวณกลางสี่แยกเกาะตะเคียน ถนนสุขุมวิทขาออก ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด พลเมืองดีไปเห็นจึงรีบเข้าไปช่วย แต่กลับถูกจี้และคนขับรถยนต์ได้ขโมยรถจักรยานยนต์ไป
ล่าสุดวันที่ 6 พ.ย.63 พ.ต.อ.ชวลิต สุธรรมมาจารย์ ผกก.สภ.เมืองตราด กล่าวว่า จากการสอบสวนทั้งสองฝ่ายทราบว่านายชนเนตร คนก่อเหตุไม่ได้เป็นคนขับรถ ส่วนที่ใช้จี้เอวของพลเมืองดีนั้น เป็นเพียงแค่โทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่อาวุธปืนแต่อย่างใด ซึ่งทางพลเมืองดีก็ไม่ติดใจเอาความ เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น
นายชนเนตร เล่าว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ตนตกใจมาก มีพลเมืองดีขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาสอบถาม จึงจะขอยืมรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว แต่ด้วยความเมา ทำให้พูดจาเสียงดัง พลเมืองดีอาจจะตกใจ หลังจากขี่รถจักรยานยนต์ออกมา ตนได้ขี่ไปที่บ้านเพื่อเรียกคนให้มาช่วยเหลือยกรถขึ้นมาจากไหล่ถนน และขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะขโมยหรือทำร้ายพลเมืองดี
ด้านนายเอ (นามสมมติ) พลเมืองดี เปิดเผยว่า ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน จนเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตกอยู่ข้างถนน จึงขี่รถเข้าไปสอบถาม จนนายชนเนตร กระโดขึ้นคร่อมรถของตนและขี่รถของตนออกไป ซึ่งตอนนั้นตนกลัวมาก จึงโทรศัพท์ไปที่ 191 และแจ้งเหตุดังกล่าว วันนี้ตนออกมายืนยันว่าสิ่งของที่นายชนเนตร จี้ที่เอวของตนนั้นเป็นโทรศัพท์มือถือไม่ใช่อาวุธปืน
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านเหล้า พบกับนายวีนัส มีสังข์ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ตนจำนายชนเนตรได้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุนายชนเนตร ได้มาใช้บริการที่ร้านของตน ช่วงเวลา 22.50 - 23.10 น. ซึ่งนายชนเนตร มีอาการเมามาก หลังจากออกจากร้านไปนายชนเนตรได้ขับรถออกไปทางตัวเมืองตราด หลังจากยูเทิร์นผ่านหน้าร้านตนนายชนเนตรได้ลดกระจกลง และชักอาวุธออกมา คาดว่าเป็นอาวุธปืน ยิงไป 3 นัด แต่ไม่แน่ใจว่าหันปลายกระบอกไปทางไหน ซึ่งตนขอยืนยันว่านายชนเนตร เป็นคนขับรถคันดังกล่าวอย่างแน่นอน
