จากกรณีเมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 28 ต.ค. 63 พ.ต.ท.ออมสิน สุขการค้า รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สรรพยา จ.ชัยนาท รับแจ้งเหตุแทงกันตาย ที่บ้าน ม.4 ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร รพ.สรรพยา และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ชัยนาท
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง ใต้ถุนบ้านพบศพ นายมณี อ่วมสัมฤทธิ์ อายุ 47 ปี นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า ไม่สวมเสื้อ เสียชีวิตอยู่ติดกับราวตากผ้าภายในบ้าน ในลักษณะท่านั่ง โดยที่มือซ้ายยังกุมบาดแผลที่หัวใจเอาไว้ สภาพศพถูกแทงด้วยมีดตัดขั้วหัวใจ และที่ท้อง 1 แผล ด้านหลังอีก 2 แผล
ภายในบ้านพบ นายถนอม อ่วมสัมฤทธิ์ อายุ 54 ปี พี่ชายผู้ตาย นั่งรอมอบตัวพร้อมมีดปอกผลไม้ที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด วันที่ 29 ต.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปที่วัดโพธิ์งาม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สถานที่จะสวดอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัวและเพื่อนบ้านต่างเดินทางกันมาช่วยกันจัดเตรียมงาน
นางสุพล อ่วมสัมฤทธิ์ อายุ 78 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกติแล้วลูกทั้ง 2 คนทำงานรับจ้างช่วยราชการ เป็นคนที่นิสัยดี นายถนอมจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีปัญหากับใคร ส่วนนายมณีมักจะมีนิสัยชอบดื่มสุรา ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนมึนเมา ชอบเปิดเพลงเสียงดังรบกวนคนในครอบครัวและเพื่อนบ้าน ทำให้ทั้งคู่มักจะทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งในวันเกิดเหตุ นายมณีกลับบ้านมาด้วยอาการมึนเมา ก่อนเปิดเพลงเสียงดัง นายถนอมที่อยู่ในบ้าน จึงออกมาห้ามบอกให้ลดเสียงลง แต่นายมณีไม่ยอมจึงท้านายถนอมชกต่อย กระทั่งเกิดการทะเลาะวิวาทกัน นายถนอมสู้นายมณีไม่ไหวจึงคว้ามีดมาก่อเหตุแทงนายมณีเสียชีวิตอยู่ติดกับราวตากผ้าภายในบ้าน ในลักษณะท่านั่ง โดยที่มือซ้ายยังกุมบาดแผลที่หัวใจเอาไว้
หลังเกิดเหตุตนเองก็รู้สึกเสียใจ แทบใจจะขาด กินอะไรไม่ได้ นอนไม่หลับ เนื่องจากทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นายถนอม ลูกชายคนโตที่ก่อเหตุแทงน้องจนเสียชีวิต ตนเองก็คงจะไม่ขอประกันตัว ตนเองไม่มีเงินหรือสินทรัพย์ที่จะไปช่วยเหลือ หลังจากเกิดเหตุตนเองก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรต่อไป เนื่องจากลูกเปรียบเสมือนเสาหลักคอยหาเลี้ยงให้ตนมีกินมีใช้อยู่เป็นรายวัน
ด้าน น.ส.แป้ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า วานนี้ช่วงประมาณ 20.00 น. หลังจากที่พ่อของตนกลับจากทำงานมาในสภาพเมาสุรา ก็มาเปิดเพลงออกลำโพงเสียงดัง ร้องเพลงตามโวยวายเสียงดัง จนคนที่บ้านรำคาญ ย่าที่อยู่ในบ้านจึงบอกให้ตนลงมาบอกพ่อว่าให้ช่วยลดเสียงเพลง เพราะเกรงใจชาวบ้าน แต่พ่อก็ไม่ยอมฟัง จนย่าต้องเดินมาห้ามเอง แต่พ่อกลับบ่นย่าว่า "ไม่ต้องพูดแล้ว ให้กลับขึ้นไปนอน"
กระทั่งลุงทนไม่ไหว จึงเปิดประตูออกมาต่อว่าพ่อ ทำให้พ่อเกิดความไม่พอใจ ไปชกต่อยลุง 2-3 หมัด ลุงจึงเกิดความโมโหเดินไปขวามีดมาแทงพ่อของตนเองเข้าที่ท้อง 3-4 ครั้ง จนพอได้รับบาดเจ็บ เดินเอามือกุมแผล ร้องขอความช่วยเหลือกับคนในบ้าน แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็รู้สึกเสียใจ หากมีโอกาสได้พูดกับพ่อก็อยากจะบอกว่า "หากย้อนเวลากลับมาได้ ก็ไม่อยากให้พ่อเสียชีวิต อยากให้พ่อกลับมา หนูอยากอยู่กับพ่อนาน ๆ หลังจากนี้ก็อยากให้พ่อไปอยู่ในภพภูมิที่ดี เกิดชาติหน้ามีจริงก็ขอให้ได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก" ส่วนลุงที่ก่อเหตุตนเองก็อยากจะบอกว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่เคยคิดถือโทษโกรธลุงเลย เพราะหนูก็รักลุง แล้วคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ลุงก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เพราะคิดว่าพ่อของตนเองก็เป็นฝ่ายที่ผิดเหมือนกัน"
