ครั้งแรก ตร.เผยนาที "แจ้" คลั่ง แย่งปืน ร่างไม่เปลือย - พ่อเหยื่อเชื่อมีคนจ้องฆ่า (คลิป)

9 มี.ค. 61
จากกรณีเหตุชายสติไม่ดี เปลือยกายเข้าไปแย่งปืน ด.ต.ทยกร แก้วโสม ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งทำให้เกิดปืนลั่น 4 นัด เป็นเหตุให้ นายภาณุวัฒน์ หอมจิตต์ หรือ “แจ้” เสียชีวิต ซึ่งทางครอบครัว และกลุ่มเพื่อนยืนยันว่า ผู้ตายไม่ใช่คนสติไม่ดี และยังคงสงสัยสาเหตุของการเสียชีวิต
ร.ต.ต.ชัยชนะ จรูญพิพัฒน์กุล นายแพทย์ (สบ1) กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ
ทีมข่าวได้เดินทางไปสอบถาม ร.ต.ต.ชัยชนะ จรูญพิพัฒน์กุล นายแพทย์ (สบ1) กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้เปิดเผยว่า ในผู้ป่วยทั่วไป หากมีการใช้สารเสพติด ก็จะออกฤทธิ์แตกต่างกัน หากผู้ป่วยมีการใช้สารเสพติดในประเภทออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ก็จะทำให้มีอารมณ์ครึกครื้นมากกว่าปกติ หงุดหงิดง่าย ส่วนในกลุ่มของยาที่ออกฤทธิ์กดประสาท ก็จะมีอาการง่วงและหดหู่ สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีการใช้สารเสพติด แล้วแสดงอากาคลุ้มคลั่งนั้น ก็เป็นเพราะสารเสพติด ได้ไปเปลี่ยนแปลงสารเคมีบางอย่างในสมอง ทำให้เกิดอาการทางจิต ทั้งทางอารมณ์ เห็นภาพหลอน และหูแว่วได้ หากผู้ป่วยบางรายที่รับสารเสพติดแล้วมีอาการกระหายน้ำ เหงื่อออกในปริมาณมาก อาจเกิดได้จากการเสพสารประเภทกระตุ้นประสาท เช่น แอมเฟตามีน ยาบ้า ยาไอซ์ และโคเคน ทำให้ชีพจรเต้นไวขึ้น เหงื่อออกมากกว่าปกติ อารมณ์หงุดหงิดโมโห ก้าวร้าว รวมถึงอารมณ์รุนแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนกระทั่งเห็นภาพหลอนก็เป็นได้ สำหรับช่วงเวลาที่สารเสพติดจะออกฤทธิ์นั้น ขึ้นอยู่กับชนิด และปริมาณของสารที่ใช้ รวมถึงวิธีการนำสารเข้าสู่ร่างกาย หากมีการฉีดสารเข้าเส้นเลือด อาจจะออกฤทธิ์เร็วกว่าประเภทกิน ทั้งนี้สารจะออกฤทธิ์ได้ตั้งแต่ 1 ชั่วโมง เป็นต้นไป หรืออาจจะเร็วกว่า 1 ชั่วโมง ก็ได้ อยู่ที่วิธีการใช้สารเสพติดเข้าสู่ร่างกาย ส่วนความเป็นไปได้ ที่สารเสพติดจะทำให้มีแรงพละกำลังมากขึ้นได้หรือไม่นั้น ทางการแพทย์ได้เปิดเผยว่า ปกติแล้วมนุษย์จะมีกลไกในการป้องกันตัวเอง ที่ทำให้มีแรงมากขึ้นอยู่แล้ว แต่หากได้รับสารเสพติดมา ก็มีผลทำให้มีแรงมากขึ้นกว่าปกติ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการคลุ้มคลั่งสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ ซึ่งเป็นได้ตั้งแต่แรกเกิดอุบัติเหตุ หรือการป่วยเป็นโรคทางจิตเวช ก็ส่งผลให้คลุ้มคลั่งได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะแสดงออกมานานแล้ว ขึ้นอยู่กับผู้ป่วย และคนรอบข้างผู้ป่วย ว่าจะรับรู้ได้เร็วมากน้อยเพียงใด เพราะผู้ป่วยบางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองป่วย บางคนก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่ตนเป็นนั้นคืออาการป่วย
ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ น้องเฟย์ (นามสมมติ) ลูกสาวดาบเติ้ง
วันนี้ (8 มี.ค.) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาพูดคุยกับ น้องเฟย์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ลูกสาวของ ด.ต.ทยกร แก้วโสม กล่าวว่า วันนี้ตนมาเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล เพราะแม่ไปทำธุระ ส่วนอาการของพ่อตอนนี้ ก็พูดได้ แต่จะถามคำ ตอบคำ แต่จะพูดเป็นประโยคยาวๆไม่ค่อยได้ มีไข้ขึ้น ส่วนขาก็ยังเจ็บแผลอยู่ แล้วคุณหมอก็ยังให้ยามอร์ฟีนแก้ปวด ทำให้มีอาการเบลอ โดยวันเกิดเหตุ ตนได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่า พ่อถูกยิง ตนจึงรีบไปที่โรงพยาบาล ซึ่งรอพ่อผ่าตัด ตั้งแต่ 23.00 - 06.00 น. ตอนนี้ พ่อยังไม่ได้เล่าเหตุการณ์อะไรให้ตนฟัง ตนทราบข้อมูลจากแม่ว่า วันนั้นพ่อเพิ่งออกมาจากร้านทอง ซึ่งขณะนั้นยังไลน์คุยกับแม่อยู่เลย จากนั้นพ่อก็แวะเปลี่ยนเสื้อตรงจุดเกิดเหตุ แต่ประตูรถไม่ได้ล็อก แล้วคู่กรณีก็เข้ามาแย่งปืนของพ่อในรถ ปืนจึงลั่น
จุดที่ดาบเติ้งเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ
น้องเฟย์ กล่าวว่า พ่อเปลี่ยนเสื้อในรถประจำ เพราะมันสะดวก และยังยืนยันด้วยว่า พ่อไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครมาก่อนโดยเฉพาะคู่กรณีที่ชื่อ “แจ้” ก็ไม่ได้รู้จักกันด้วย ซึ่งพ่อก็เป็นคนที่ร่าเริง สามารถพูดคุยได้กับทุกคน โดยปกติแล้วแขนข้างขวาพ่อ ไม่ค่อยดี มักมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วด้วย ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง พอเกิดเหตุปืนลั่น ตนไม่คิดว่า อาการของพ่อจะเป็นหนักขนาดนี้ แต่ยังคิดว่าพ่อจะไม่เป็นอะไร อีกไม่นานพ่อก็จะหายเป็นปกติ ขณะนี้ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำอะไรเพิ่มเติม มีเพียงเพื่อนตำรวจเข้ามาเยี่ยมอาการ ส่วนคนที่ชื่อหนึ่งนั้น น้องเฟย์บอกว่าเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน ไม่ได้เป็นอะไรที่มากกว่านั้น เพราะพ่อไม่เคยมีเรื่องชู้สาว และพ่อเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ด้าน ด.ต.ทยกร แก้วโสม หรือ ดาบเติ้ง ซึ่งสามารถตอบคำถามได้เพียงเล็กน้อย กล่าวว่า “ตนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า, ไม่รู้จักคู่กรณี ตอนที่เกิดเหตุ เขายังสวมใส่กางเกงยีนส์อยู่ แต่ไม่ได้ใส่เสื้อ ไม่ทราบว่าไปถอดตอนไหน เขาแรงเยอะมาก พอเขาลงจากรถก็ล็อกรถ ไม่เห็นเขาแล้ว”
ร่องรอยรูกระสุน
ด้าน นายพิษณุนาถ หอมจิตต์ บิดาของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้ (8 มี.ค.) แม่ของแจ้ได้เดินทางไปยื่นเรื่องคดีของแจ้ที่กองบังคับการปราบปรามเมื่อเช้านี้ เนื่องจากทางครอบครัวไว้ใจการทำงานของเจ้าหน้าที่กองปราบฯ ส่วนด้านคดี ตนก็ยังไม่ทราบว่าคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด แต่เท่าที่รวบรวมข้อมูล ก็ยังมีความสงสัยในหลายประเด็น โดยเฉพาะร่องรอยกระสุนที่รถของดาบตำรวจ ซึ่งในตอนแรก มีลักษณะไม่ใหญ่มาก แต่ภาพในแฟนเพจเฟซบุ๊กที่นำมาลงเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา มีร่องรอยรูกระสุนที่เปลี่ยนไป คล้ายกับว่ารูกระสุนใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ส่วนประเด็น กางเกงยีนส์ของลูกชาย ที่คล้ายกับมีรอยยับและรอยตัด เหมือนกับว่าถูกถอดลงมา ซึ่งข้อสันนิษฐานตรงนี้ ตนยังไม่มั่นใจ เพราะยังไม่ได้เห็นกางเกงยีนส์ตัวนั้น เนื่องจากยังอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ภาพผลตรวจเลือด ที่นายพิษณุนาถ พ่อของแจ้ นำมาให้ทีมข่าว
นอกจากนี้ ตอนนี้ตนได้อ่านรายละเอียดของผลตรวจเลือดแล้วพบว่า ผลเลือดเป็นลบ ซึ่งตนเชื่อว่า เป็นไปได้ ที่ผลเลือดของลูกชายไม่มีเรื่องยาเสพติดมาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นผลตรวจเลือดที่ละเอียดแล้วหรือไม่ แต่ก็สามารถพิสูจน์ได้เบื้องต้นว่า ไม่น่าจะมีสารเสพติด อย่างไรก็ตาม นายพิษณุนาถ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังสงสัยในเรื่องการเสียชีวิต ที่คาดว่า มีการทำเป็นขบวนการ เหมือนกับตั้งใจให้ลูกชายตน ไปเสียชีวิตในจุดอับและมุมมืด ส่วนประเด็นชู้สาว ตอนนี้ตนเองเริ่มคิดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง รวมถึงประเด็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ด้วย
พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด
จากนั้นทีมข่าวจึงโทรศัพท์สอบถามต่อไปยัง พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ซึ่งให้ข้อมูลว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่ทางครอบครัวของนายแจ้ไปดำเนินการส่งเรื่องให้ทางกองปราบฯ เพราะทาง สภ.ปากเกร็ด กำลังเร่งรัดติดตามด้านคดีอยู่เช่นกัน โดยตอนนี้สอบพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก ซึ่งข้อมูลบางอย่างยังเปิดเผยไม่ได้
นายแพทย์ สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม
ส่วนพยานคนที่ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งนายแจ้ และเป็นคนสุดท้ายที่ได้พบกับนายแจ้ (รุ่นน้อง นามสมมติชื่อป๋อง) อยู่ระหว่างนัดมาสอบปากคำ ทั้งนี้ กำลังเร่งรัดผลการชันสูตรจากโรงพยาบาล และผลการตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ นายแพทย์ สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ทีมข่าวยังได้โทรศัพท์สอบถามกับนายแพทย์ สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ให้ข้อมูลว่า ผลการตรวจเลือดดังกล่าวเป็นเพียงการตรวจเบื้องต้น แต่หากต้องการผลตรวจเลือดอย่างละเอียด เช่น การตรวจหาสารเสพติด จะต้องนำเลือดไปตรวจด้วยวิธีการ Chromatography ซึ่งจะต้องนำเลือดไปตรวจภายใน 24 ชั่วโมง และคาดว่าจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ