ดับสยอง! หนุ่มเมาขโมยไก่เจออริฟันกะโหลกเปิด แม่อภัยมือมีดเชื่อลูกตายใช้กรรม (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุ นายทองสุข เทียมชัยภูมิ อายุ 50 ปี ถืออาวุธมีดหวด และ นายมณฑา สีรังกา หรือ ต้อย อายุ 46 ปี ถือไม้ ทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกันจนเป็นเหตุให้นายมณฑาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กลางถนนภายในหมู่บ้าน บ้านเนินสีทอง หมู่ 3 ตำบลบ่อไทย อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งผู้ก่อเหตุได้นั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด

จากการตรวจสอบสภาพศพของนายมณฑา พบว่า สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงินกางเกงขาสั้นสีดำ นอนคว่ำหน้า จมกองเลือด ถูกฟันที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ จนกะโหลกเปิด พบอาวุธเป็นมีดหวดของนายทองสุข ตกอยู่พร้อมรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ทะเบียน ขงย เพชรบูรณ์ 59 จอดอยู่ห่างจากศพเล็กน้อย

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุและผู้ตายเป็นเพื่อนบ้านหลังตรงข้ามกัน ซึ่งมักจะมีปากเสียงทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ โดยขณะเกิดเหตุ ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะวิวาทและชกต่อยกัน ฝ่ายหนึ่งมีไม้ยาวประมาณ 2 เมตร อีกฝ่ายหนึ่งมีมีดหวด สุดท้ายนายมณฑาถูกมีดหวดฟันใส่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ เสียชีวิต

ล่าสุดวันที่ 8 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบเป็นบริเวณถนนดินแดงกลางหมู่บ้าน ระหว่างหน้าบ้านของผู้ตายและผู้ก่อเหตุ โดยยังคงพบกองเลือดจำนวนมากกองอยู่กลางถนน บ้านผู้ตายเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง เป็นที่เลี้ยงไก่และวัว มีบ้านไม้อยู่ภายในพื้นที่

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายนันทะ อิงชัยภูมิ อายุ 47 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า นายทองสุข (ผู้ก่อเหตุ) เป็นคนอัธยาศัยดี แต่ไม่ค่อยพูด และไม่เคยมีเรื่องกับใคร ส่วนนายมณฑา (ผู้ตาย) เป็นคนติดสุราและมักจะมีปัญหากับเพื่อนบ้านโดยรอบ โดยเฉพาะกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ตายมักจะตะโกนแช่งพ่อของผู้ก่อเหตุให้ตายไว ๆ 

ผู้ตายเวลาเมามักจะห้ามชาวบ้านเดินหรือขับรถผ่านถนนหน้าบ้านอ้างว่าเป็นถนนส่วนบุคคล ทั้ง ๆ ที่เป็นถนนของส่วนรวม อีกทั้งยังเคยก่อเหตุลักทรัพย์ ขโมยไก่ชนของผู้ก่อเหตุและเพื่อนบ้านโดยรอบไปต้มกิน จนถูกชาวบ้านแจ้งความจับในเดือนพ.ค.58 เนื่องจากราคาไก่ชนนั้นมีตั้งแต่ราคาหลักพันถึงหลักหมื่นบาท

โดยขณะเกิดเหตุเมื่อวานนี้ (7 ตุลาคม) ขณะนั้นนายทองสุขกำลังขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างกลับบ้าน หลังจากไปเกี่ยวหญ้ามา โดยขณะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าบ้าน นายมณฑาที่มีอาการมึนเมาก็ได้เดินถือไม้ท่อนยาวมายืนขวางหน้ารถ จากนั้นทั้งคู่ก็ได้โต้เถียงกัน ก่อนจะลงมีชกต่อยและใช้อาวุธเข้าปะทะกัน นายมณฑาได้ใช้ไม้ที่เตรียมไว้ ส่วนนายทองสุขก็ได้หยิบมีดหวดที่ใช้เกี่ยวหญ้าออกมาจากรถพ่วง ทั้งคู่ต่อสู้กันจน นายมณฑาพลาดท่าล้มลง แล้วถูกมีดหวนฟันเข้าไปที่ศีรษะอย่างแรง จนเป็นแผลฉกรรจ์กะโหลกเปิด ล้มลงนอนเสียชีวิตจมกองเลือดกลางถนน

สำหรับตน เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุคิดอะไรอยู่ ณ ขณะนั้น ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะพลั้งมือก่อเหตุได้ถึงขนาดนี้ หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่า ขณะที่ทั้งคู่ต่อสู้กัน ความอัดอั้นในใจของผู้ก่อเหตุที่เก็บมานาน ทั้งถูกด่าพ่อ ทั้งถูกขโมยไก่ชน ได้ถูกปลดปล่อยออกมา เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นคนเงียบ ไม่เคยเล่าอะไรให้ครอบครัวฟัง ผู้ก่อเหตุจึงออกแรงใส่มีดหวดมากเกินไป จนทำผู้ตายเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกสารพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุเพราะอายุมากแล้ว ชาวบ้านทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงผู้ตายจะนิสัยไม่ดีแล้วผู้ก่อเหตุใช้มีดป้องกันตัว ก็ไม่น่าทำกันถึงขนาดนี้

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เข้าไปพบ นางมะลิ เทียมชัยภูมิ อายุ 71 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นางมะลิ บอกกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ตายจะเป็นคนพาล แต่ตนก็เห็นใจครอบครัวอีกฝ่ายและสงสารผู้ตายเช่นกัน ตนกับลูกชายไม่ได้อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน โดยลูกชายของตนจะอาศัยอยู่ในบ้านฝั่งตรงข้ามกับผู้ตาย บ้านหลังนั้นลูกชายได้ทำเป็นสถานที่เลี้ยงไก่และวัว ซึ่งปกติลูกชายจะออกจากบ้านไปทำนา ต้องผ่านถนนหน้าบ้านของผู้ตายทุกวัน ซึ่งนั่นก็ถือเป็นถนนหน้าบ้านของลูกชายของตนด้วย

เมื่อวานขณะเกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ขณะนั้นสามีของตนอยู่ที่เถียงนา ห่างจากที่เกิดเหตุออกไปประมาณ 100 เมตร สามีของตนได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน เมื่อมาดูเหตุก็พบว่าผู้ตายถูกฟันศีรษะแล้ว โดยตนเชื่อว่าลูกชายใช้มีดในการป้องกันตัวจากการถูกไม้ของผู้ตายฟาด

นางมะลิ เล่าต่อว่า ผู้ตายมีพฤติกรรมชอบดื่มสุราและโวยวายเปิดเพลงเสียงดัง มีนิสัยอันธพาลชอบหาเรื่องคนอื่นในหมู่บ้าน โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวของตน ซึ่งตนเคยได้ยินผู้ตายขู่ลูกชายของตนว่า "เดี๋ยวกูจะฆ่าทิ้ง ทั้งพ่อใหญ่ ทั้งลูกเลย" ทำให้ตนรู้สึกกลัว และกังวลมาตลอดว่า สักวันลูกชายจะโดนทำร้าย

นอกจากนี้ ผู้ตายยังเคยขโมยไก่ชนของลูกชายตนมาต้มกิน ทำให้ลูกชายตนรู้สึกโกธรมาก ซึ่งตนได้แต่ห้ามปรามและขอให้ลูกชายยกโทษให้ผู้ตาย เนื่องจากตนไม่อยากให้ลูกชายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ตายมากนัก ตนก็ห้ามสามีตนด้วย ดังนั้นสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ ตนจึงคาดว่าน่าจะมาจาก 1.อาการมึนเมาของผู้ตาย 2.ปมแค้นที่ผู้ตายขโมยไก่ชนไปต้มกิน

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุ ตนยังไม่ได้เห็นหน้าหรือคุยกับลูกชาย แต่เบื้องต้นทราบว่าลูกชายของตนถูกฝากขังที่ศาลแล้วในช่วงบ่าย ซึ่งตนรู้ดีว่าโทษของการฆ่าคนตายนั้นหนักมาก แต่ตนก็มั่นใจว่าลูกชายตนไม่ได้เป็นคนผิด ลูกชายทำไปเพราะป้องกันตัว หากมีเงินก็อยากจะประกันตัวลูกชาย (ขณะนี้ไม่มี) เพราะลูกชายเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือสังคม ตั้งใจทำมาหากินดูแลพ่อแม่ ลูกชายไม่เคยมีปัญหากับใครในหมู่บ้าน 

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ (8 ตุลาคม) ตนได้เดินทางไปที่สภ.นาเฉลียง จ.เพชรบูรณ์ เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้พบกับผู้ก่อเหตุในสภาพเศร้าซึม ซึ่งผู้ก่อเหตุบอกกับตนว่า “ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่หากไม่ทำ สักวันผู้ตายก็จะทำแบบนี้กับผม”

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ชาวบ้านก็เสียใจและสงสารทั้งสองฝ่าย แต่ทุกคนก็เห็นตรงกันว่า “จบซะได้ก็ดี” เนื่องจากเอือมระอาในตัวผู้ตาย

ในขณะเดียวกัน ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เข้าไปพูดคุยกับ นางบุญมี สีรังกา อายุ 66 ปี แม่ผู้ของผู้ตาย ซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านข้างเคียง เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนางบุญมีค่อนข้างที่จะทำใจได้แล้ว เนื่องจากคาดมาก่อนหน้านี้ว่านายมณฑาจะต้องตายด้วยสุราในสักวันหนึ่ง

นางบุญมี เปิดเผยว่า ลูกชายเป็นคนติดสุรา เมื่อมึนเมาก็มักจะโวยวายทำลายข้าวของ ตรงกันข้ามกับเวลาปกติที่จะขยันทำงาน รับจ้างทั่วไปรายวัน โดยขณะที่ลูกชายตนยังมีชีวิต ลูกชายมักจะมาหาตนที่บ้าน ข่มขู่ขอเงิน เพื่อขอเงินไปซื้อสุราไปสังสรรค์กับเพื่อนที่บ้าน (บ้านที่เกิดเหตุ) หากไม่ให้ก็จะอาละวาด ทุบทำลายข้าวของอยู่เป็นประจำ และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ลูกสาววัย 18 ปี ของนายมณฑา ที่อาศัยอยู่กับนายมณฑานั้นอยู่ไม่ได้ (บ้านจุดเกิดเหตุ) จึงต้องย้ายมาอยู่กับตน

ทั้งนี้ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายเคยมีปัญหากับนายทองสุข เพราะลูกชายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ตนเคยเตือนลูกชายหลายครั้งเกี่ยวกับการดื่มสุรา ว่า “ถ้าหากไม่หยุด สักวันหนึ่งจะต้องตายด้วยเหตุมึนเมา” เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถามว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น? ตนมองว่าก็อาจเป็นไปได้ เนื่องจากรอยแผลถูกฟันจากด้านหลัง

หลังจากเกิดเหตุ ตนได้พบกับนายทองสุข (ผู้ก่อเหตุ) ที่สถานีตำรวจ โดยนายทองสุขได้เข้ามากราบขอโทษตนพร้อมน้ำตา บอกว่า "ผมขอโทษ ขออภัยยายด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจทำ" ซึ่งเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ อีกทั้งตนก็ไม่ติดใจอะไร จึงอยากให้เรื่องนี้ผ่านและจบไป ส่วนคดีความก็ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สุดท้ายตนอยากบอกกับลูกว่า “ขอให้เป็นคนดี ไปอยู่บนสวรรค์ข้างบนกับพ่อ ขอให้ไปสู่สุคติ ไม่ต้องเป็นห่วงตนกับลูกสาว”

ทั้งนี้ ขณะนี้ครอบครัวยังไม่สามารถจัดงานศพให้กับผู้ตายได้ เนื่องจากในหมู่บ้านเดี่ยวกันมีคนชราเสียชีวิตก่อนหน้านายมณฑา และกำลังประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งจะทำพิธีฌาปนกิจในวันนี้ ดังนั้นทางครอบครัวจึงจะจัดพิธีศพให้กับผู้นายมณฑาในวันพรุ่งนี้แทน