ษิทราเตือนก๊วนแม่ค้า ระวังโดนข้อหา ไม่แยแส "เดชา" ชอบเตือน (คลิป)

19 ก.พ. 61
จากกรณีมีคลิปเสียงสนทนาความยาวประมาณ 2 นาที เกี่ยวข้องในคดีหวย 30 ล้านบาท ที่มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ของชายหญิงคู่หนึ่ง โดยมีการระบุว่า เสียงของฝ่ายหญิงเป็นเสียงของ "เจ๊บ้าบิ่น" ส่วนเสียงฝ่ายชายคาดว่าเป็นเสียงของครูปรีชา โดยคลิปเสียงดังกล่าวมีผู้หญิงบอกว่า ครูปรีชาถูกหวยรางวัลที่ 1 พร้อมยืนยันอย่างมั่นใจว่า ครูเป็นเจ้าของรางวัล เพราะแม่ค้าขายให้ แต่ทางครูปรีชา กลับตอบว่าไม่ได้ซื้อ สลากที่มีตรวจแล้วไม่พบว่าถูกรางวัล และมีการสนทนาว่าสลากอาจหายไป ซึ่งต้องใช้เวลาในการค้นหาก่อน
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายเพื่อประชาชนฯ
วันนี้ (18 ก.พ.) ทีมข่าวเดินทางมาพบ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายเพื่อประชาชนฯ ซึ่งเปิดเผยว่า กรณี 7 ประเด็นที่ตนได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื่องจากว่ามีข้อพิรุจหลายอย่างที่พยานของครูปรีชาพูดไม่ตรงตามที่ให้การเอาไว้ ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ 2 โดยในคลิปดังกล่าวระบุว่า เป็นคลิปเหตุการณ์ในวันที่ 2 พ.ย.60 โดยเนื้อหาในคลิป ตัวครูปรีชาเองยังไม่ทราบเลยว่าตนถูกหวย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ตนเองรู้ว่าลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หายไปตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. หรือหายไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. เป็นต้น แต่เหตุใดเสียงในคลิป พูดเหมือนยังไม่รู้ว่าตนถูกรางวัลที่ 1
คลิปเสียงที่แม่ค้าลอตเตอรี่พูดคุยกับผู้ซื้อ
โดยเฉพาะคำพูดที่ครูปรีชา ระบุว่าตัวเองซื้อเลข 726 มา แต่เลข 3 ตัวหน้าไม่ใช่รางวัลที่ 1 แสดงว่าครูปรีชา ก็ไม่รู้ว่าตัวเองซื้อเลขหน้าอะไรมา แล้วก่อนหน้านั้น พยานให้การแบบมั่นใจว่าครูเป็นเจ้าของหวยได้อย่างไร เพราะในคลิปเสียงที่ปรากฎ ยังไม่มั่นใจเลยว่าตนถูกหวยหรือไม่ ส่วนกรณีคลิปเสียง ที่มีการพูดคุยกันเรื่องค่าตอบแทน หากครูปรีชาถูกรางวัลที่ 1 อาจเป็นไปได้ที่กลุ่มแม่ค้าต้องการให้ลอตเตอรี่เป็นของครู เพื่อต้องการเงินตอบแทน
นางปณัญชยา สุขผล หรือ "เจ๊เกียว" แม่ค้าลอตเตอรี่ที่เป็นพยานให้ครูปรีชา
ส่วนตัวแล้วคิดว่าเสียงในคลิปเป็นเสียงสนทนาระหว่าง ครูปรีชา กับ เจ๊เกียว เนื่องจากในสายมีการพูดถึง "เจ๊พัช" กับ "เจ๊รัตน์" ซึ่งหมายถึง นางรัตนาภรณ์ หรือ "เจ๊บ้าบิ่น" ซึ่งหากเป็นเสียง "เจ๊เกียว" จริงๆ ทนายษิทรา จึงฝากเตือนว่าเจ๊เกียว อาจจะมีความผิดฐานให้การเท็จได้
นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น
ขณะเดียวกัน ทนายษิทรา เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ ครูปรีชา ยังไม่ออกมายอมรับว่า คลิปเสียงดังกล่าวใช่เสียงตัวเองหรือไม่ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเสียงครูปรีชาจริง แสดงว่าคลิปเสียงนี้สามารถนำไปเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ ซึ่งตนพูดอยู่เสมอว่า หลังจากนี้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ออกมาหักล้างพิสูจน์ว่าใครเป็นเจ้าของหวย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้โอกาสในการรับสารภาพแล้ว แต่ไม่มีใครสารภาพ หากมีคนรับเจ้าหน้าที่อาจกันไว้เป็นพยานได้ เพราะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการ ส่วนคลิปดังกล่าว ถูกเผยแพร่ได้อย่างไรนั้นตนไม่ทราบ ตนเพิ่งได้ยินเสียงในคลิปเพียง 2 คลิปเท่านั้น ส่วนที่ครูปรีชาระบุว่า อาจเป็นการชี้นำสังคม หลังมีคลิปเสียงปล่อยออกมา ส่วนตัวคิดว่าหากไม่อยากให้สังคมเข้าใจผิด ครูปรีชาควรออกมาชี้แจงว่า คลิปดังกล่าวคืออะไร หรือหากมีหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ ให้นำออกมาแสดง สังคมจะได้ไม่สับสน หลังจากนี้จะมีคลิปเสียงอะไรออกมาอีกหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
โพสต์ของทนายษิทรา
ส่วนกรณีที่ตนได้โพสต์เฟซบุ๊กถึง นายสงกานต์ อัจริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เนื่องจากรู้สึกโกรธ หลังจากที่ทนายสงกานต์ ออกมาระบุว่า "หากลุงจรูญ ยังระบุที่มาของหวยไม่ได้ อย่างไรเสียก็แพ้คดี" ทนายษิทรา เปิดใจว่า หลังจากทราบเรื่อง ยอมรับว่ารู้สึกโกรธ จึงได้โพสต์ข้อความดังกล่าวลงเฟซบุ๊กว่า ลุงจรูญเคยให้การแล้วว่า สาเหตุที่จำหน้าแม่ค้าไม่ได้เพราะไม่ได้พิศวาส ตนจึงเขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ให้จำหน้า........(ภรรยา)ให้ได้ก่อน" ตนขอยอมรับว่า ไม่ควรที่จะโพสต์เช่นนั้น ซึ่งได้มีลูกเพจเข้ามาตักเตือน และตนมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะทนายสงกานต์ เป็นทนายรุ่นพี่ จึงโพสต์ขออภัยผ่านเพซบุ๊กไปแล้ว หวังว่าทนายสงกานต์ จะให้อภัยที่ตนหัวร้อนไปหน่อย อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ตนไม่เคยรู้จัก หรือพูดคุยกับทนายสงกานต์ เป็นการส่วนตัว ส่วนเรื่องที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ฯ ออกมาพูดเตือนนั้น ทนายษิทรา ยืนยันว่า ตนไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะรู้ว่าตนต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง จึงไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ