ตำรวจรวบ เพื่อนสาวแสบแอบลักเงินสด เจ้าของร้านขายเสื้อกีฬากลางเมืองระยอง วงจรปิดจับภาพไว้ได้ เผยเงินและทรัพย์สินหายรวมกันนับล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.ย. 63 ร.ต.อ.ธวัช หนอสิงหา รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับแจ้งความจากนางวราพร หรือ หมวย ภัทรธนวดี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/10 ถ.สุขุมวิท ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง หลังจับได้ว่า น.ส.ทิวาภรณ์ หรือ ทราย โนภิชัย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ม.5 ต.แม่กัวะ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ได้แอบลักเงินสดและทองรูปพรรณ ยาวนานกว่า 3 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หลังกล้องวงจรปิดในร้านจับภาพไว้ได้ล่าสุด
ต่อมา พ.ต.ท.คำพันธ์ ขวัญทอง สว.สส.สภ.เมืองระยอง พร้อมด้วยชุดสืบสวน ได้ไปเชิญตัว น.ส.ทิวาภรณ์ ที่บ้านพัก ถ.ราษฎ์บำรุง (สายล่าง) ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง มาทำการสอบสวน โดย น.ส.ทิวาภรณ์ รับสารภาพได้ก่อเหตุ ลักทรัพย์เงินสด และทองรูปพรรณของนางวราพร จริง และได้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากตนเองมีความขัดสนเรื่องการเงิน
นางวราพร เปิดเผยว่าได้คบกับ น.ส.ทิวาภรณ์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันนานกว่า 3 ปี โดยน.ส.ทิวาภรณ์ ได้ประกอบอาชีพเป็นพนักงานลูกจ้างบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยทุกวัน น.ส.ทิวาภรณ์ ได้มากินข้าวที่บ้านซึ่งเป็นร้านขายชุดกีฬา ชื่อว่าฟุตบอลช็อป ขณะนั่งรับประทานอาหารกันอยู่หลังบ้าน น.ส.ทิวาภรณ์ ก็ได้แอบเข้ามาเปิดกระเป๋าสตางค์ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ และหยิบเงินในกระเป๋าออกครั้งละ 1,000 บาท และยังมีสร้อยทองที่ตนเองเก็บซุกซ่อนไว้ในร้านหายอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ได้เปิดกล้องวงจรปิด
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 63 น.ส.ทิวาภรณ์ ได้เข้ามาหยิบเงินในกระเป๋า แล้วเดินเข้าห้องน้ำ และได้หยิบเงินสดไปจำนวน 5,000 บาท และเมื่อล่าสุดวันที่ 24 ก.ย. 63 ได้หยิบเงินสดไปจำนวน 7,000 บาท ในลักษณะเดียวกัน และมีภาพกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ ที่ผ่านมายังมีเงินในกระเป๋าตนเองหายอยู่เป็นประจำ วันละ 1,000 บาท และสร้อยคอทองคำหายไปอีก รวมประมาณ 20 บาท แต่ไม่มีหลักฐาน เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดมีอายุแค่ 1 อาทิตย์ แต่ก็สงสัย น.ส.ทิวาภรณ์ มานาน เพราะรู้ที่เก็บซ่อนทองและกระเป๋าสตางค์อยู่ แต่ไม่มีหลักฐานกล่าวหาเขาได้ แต่ครั้งนี้ภาพจากกล้องวงจรปิด ได้บันทึกภาพไว้อย่างชัดเจน ซึ่งตนเองจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ถึงจะเป็นเพื่อนรักกันก็ตาม
พ.ต.ท.คำพันธ์ ขวัญทอง สว.สส.สภ.เมืองระยอง กล่าวว่าครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวมาทำการสอบสวนผู้ต้องหาได้อ้างว่าได้ยืมเงินของผู้เสียหายมา แต่ไม่ได้บอก แต่เมื่อผู้เสียหายได้เข้ามาชี้ตัวและยืนยัน จึงยอมรับผิด ว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดในกระเป๋าจริง ซึ่งมีภาพกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานมัดแน่น 2 ครั้ง คือวันที่ 21 และวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา จึงได้ยึดเงินสดเป็นจำนวน 2,000 บาท ซึ่งเป็นของกลางมาดำเนินคดี ส่วนที่ลักเงินสดและทองในเวลาอื่น ไม่มีหลักฐาน และผู้ต้องหาไม่รับสารภาพ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ (เงินสด) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
