กรณีเกิดเหตุยิงกันตายบนถนนสายชัยถภูมิ-หนองบัวแดง ร.ต.ท.หญิงวริศภา เมฆสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งเหตุ จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ชัยภูมิ และชุดกู้ภัย ออกไปตรวจสอบทันที
โดยที่เกิดเหตุเป็นถนนสายชัยภูมิ-หนองบัวแดง ช่วงบิเวณ ช่วงบ้านชีลองเหนือ หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ถนนหมายเลข 2159 สายชัยภูมิ-หนองบัวแดง ช่วงหลัก กม.ที่ 20-21 จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ และหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ
สำหรับร่างผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่ติดกับรถจักรยานยนต์ สีฟ้า-ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนผู้เสียชีวิตถูกยิงบริเวณท้ายทอย ทราบต่อมาชื่อ นายก่อเกื้อ ฝ่ายสัจจา อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 149/2 หมู่ที่ 12 ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายโอวาส ชำนาญ หรือ ทิดโก้ อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ได้มาเล่นไฮโลกันที่บ้านงานศพตั้งแต่ช่วงเวลา 21.00 น. ของคืนวาน กระทั่งได้มีการทะเลาะกัน ก่อนที่จะท้ากันออกมาชกบริเวณถนน นายโก้กลับไปเอาปืนลูกซองยาวที่บ้าน ถือกลับออกมายิงบริเวณหน้าบ้านก่อน 1 นัด และวิ่งตามมายิงบริเวณกลางถนนจนเสียชีวิต ซึ่งหลังจากตำรวจจับกุมตัวได้ ยอมรับสารภาพทำไปเพื่อป้องกันตัว อ้างว่า ผู้ตายชักอาวุธมีดออกมาจากเอว เพื่อเตรียมทำร้าย
โดยจากการสอบปากคำนายโอวาส ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือ แต่เป็นการป้องกันตัว เนื่องจากผู้ตายได้ซักมีดออกมาหวังจะเข้าทำร้ายตน จึงยิงสวนออกไป 1 นัด และรีบหลบหนีไปเพราะรู้สึกกลัวและตกใจ ตนยอมรับว่าต้นเหตุมาจากการทะเลาะวิวาท
แต่ผู้ตายโวยวายและชักอาวุธมีดสั้นจะเข้าทำร้ายคนที่มาร่วมงาน ตนจึงกลับมาบ้านและนำปืนยาวติดมือมาด้วย พอมาถึงงานศพไม่พบผู้ตาย ตนจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ขณะที่กำลังจะกลับบ้านมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ตนพบว่าผู้ตายขี่รถจักยานยนต์สวนทางมาและผู้ตายได้จอดรถพร้อมชักมีดออกมาจากเอว ขณะนั่งคร่อมรถจักยานยนต์อยู่ ตนเห็นว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเองจึงยิงออกไป 1 นัดเพื่อเป็นการป้องกันตัวเท่านั้น ไม่คิดว่าจะถึงแก่ความตาย
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ย.63 ญาติของผู้ตายได้นำศพกลับจากโรงพยาบาล เพื่อมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ที่บ้านพักของผู้ตาย ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ ซึ่งนายเสน่ห์ เขาภูเขียว น้าชายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า รู้สึกเสียใจมาก เพราะหลานชายเป็นคนทำมาหากินสุจริต มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู และมักไปช่วยงานเพื่อนบ้านตลอด ส่วนสาเหตุที่ฆ่ากันนั้นตนไม่ทราบ ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
เพื่อนบ้านผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของทั้งผู้ก่อเหตุ และผู้ตาย ยอมรับว่าทั้งคู่ถ้าไม่ดื่มสุรา ก็จะมีเป็นคนชอบช่วยเหลือสังคม ขยันทำมาหากิน แต่ถ้าดื่มสุราก็จะกลายเป็นคนละคน โดยเฉพาะผู้ก่อเหตุจะมีอารมณ์รุนแรงมากกว่า ตนเป็นผู้ที่มาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก พบเพียงร่างไร้วิญญาณของผู้ตาย ส่วนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปแล้ว
นายตะวันกล้า ชำนาญ หลานชาย มือปีนผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า น้าชายเป็นคนอารมณ์ร้อน และถ้าดื่มสุราก็จะกลายเป็นคนละคน คืนเกิดเหตุตนนอนหลับภายในบ้าน ไม่ทราบว่าน้าชายไปยิงเพื่อนบ้านตาย ตนรู้สึกเสียใจและเข้าใจผู้สูญเสีย วันนี้มาช่วยงานเพราะสนิทกับผู้ตายด้วย