สลด! นักเรียนหญิงใส่หูฟัง ชาร์จโทรศัพท์ทำการบ้าน ถูกไฟช็อตดับ

นักเรียนหญิงชั้น ม.3 นอนทำการบ้านพร้อมกับใส่หูฟังชาร์จโทรศัพท์ไปด้วย พ่อไปเคาะประตูเรียกไม่มีเสียงตอบรับจึงไปแง้มดูทางหน้าต่างเห็นลูกนอนคว่ำหน้า รีบเข้าไปพลิกตัวขึ้นจึงพบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว โดยนอนทับบนสายชาร์จโทรศัพท์และสายไฟมีปลั๊กเสียบชาร์จไว้อยู่

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 13 บ้านสำโรง หมู่ที่ 8 ต.นางาม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หลังจากทราบว่าเมื่อเย็นวานนี้มีนักเรียนนอนทำการบ้านแล้วใส่หูฟังพร้อมกับเสียบสายชาร์จโทรศัพท์มือถือเอาไว้แล้วถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตคาที่นอน เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวกำลังจะมีการก่อสร้างใหม่ โดยเจ้าของบ้านสร้างที่พักชั่วคราวเอาไว้ขณะเตรียมการก่อสร้าง ภายในบ้านมีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาช่วยกันจัดการงานศพอยู่หลายคนและมีโลงศพบรรจุร่างของ น.ส.ธัญญาลักษณ์ ผะดาศรี หรือ น้องฝ้าย อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชีโหล่นวิทยา ต.บ้านแจ้ง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ตั้งไว้บำเพ็ญกุศลซึ่งจะมีการสวดพระอภิธรรมเป็นวันแรก

จากการสอบถามนายธงชัย ผะดาศรี อายุ 39 ปี พ่อของผู้เสียชีวิตเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า น้องฝนเป็นลูกสาวคนเดียวของตนกับอดีตภรรยาที่ได้เลิกรากันไปตั้งแต่น้องฝ้ายอายุ 2 ขวบ ก่อนเกิดเหตุเมื่อเย็นวันที่ 10 ก.ย. ทราบว่าหลังจากลูกสาวกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านแล้วได้บอกย่าว่าจะเข้าไปทำการบ้านในห้องนอนซึ่งทำขึ้นชั่วคราว เป็นแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่บนพื้นดิน มีตู้เก็บของกั้นกับเตียงนอนแคร่ไม้ไผ่ซึ่งเป็นที่นอนของตนและภรรยา

จากนั้นเวลาประมาณ 18.30 น. ตนได้กลับมาจากทำนาก็ได้ถามนางหนูไกรผู้เป็นย่าว่าน้องฝนไปไหน นางหนูไกรก็บอกว่าเข้าไปทำการบ้านอยู่ในห้องจึงได้ไปเคาะประตูและร้องเรียกหลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับ ตนจึงเดินไปทางหน้าต่างก็พบว่าลูกสาวสวมกางเกงวอร์มสีน้ำเงิน เสื้อยืดแขนสั้นสีชมพู นอนคว่ำหน้าทับสายโทรศัพท์และสายไฟ พร้อมใส่หูฟังโทรศัพท์เอาไว้ เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าลูกสาวไม่หายใจแล้ว บริเวณคอมีรอยไหม้เล็กน้อย จากนั้นจึงได้ทำการผายปอดแต่ลูกสาวก็ไม่ฟื้นขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นายธงชัยและนางรัตนา ผู้เป็นแม่เลี้ยง ก็ฝากบอกว่าขอให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกของตนเป็นรายสุดท้าย คนอื่นๆ ก็ควรระวังเอาไว้อย่าใส่หูฟังและเสียบชาร์จโทรศัพท์เอาไว้ในคราวเดียวกันอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เหมือนกัน

ส่วนงานฌาปนกิจศพของน้องฝ้ายจะจัดขึ้นที่วัดประจำหมู่บ้านในบ่ายวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.63 จากนั้นรุ่งขึ้นวันอาทิตย์ก็จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เลย สาเหตุที่รีบจัดการงานศพก็เนื่องจากว่าแม่เลี้ยงและญาติๆ ที่ไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดจะได้กลับไปทำงานรับจ้างต่อไปไม่ต้องลาหลายวัน