ผอ.สัตว์ป่าฯ เผย "บิ๊กอิตาเลียนฯ" ขอผ่านด่าน แอบตั้งแคมป์นอกพื้นที่ ก่อนเสียงปืนดัง

จากกรณี นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลี่ยนไทย จำกัด(มหาชน) พร้อมพวก เข้าไปล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก กระทั่งถูกจับกุม อยู่ระหว่างการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ล่าสุด นางสาวกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึง การจับกุม นายเปรมชัย และพวกอีก 3 คน ที่เข้าไปล่าสัตว์ป่า ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก ว่า ตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ นายเปรมชัย มาก่อน แต่ยอมรับว่า มีผู้ประสานงานโทรศัพท์มาขออนุญาตเข้าไปในเขตอุทยานฯ จริง  โดยระบุว่า ขอเข้าไปพักแรมในพื้นที่ระหว่างวันที่ 3-5 ก.พ. ซึ่งตนได้แนะนำไปตามขั้นตอนว่า สามารถขออนุญาตในพื้นที่ได้เลย แต่เข้าใจว่าการขออนุญาตดังกล่าวอาจจะไม่ทัน จึงมีการเข้าไปก่อน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางกรมอุทยานฯ อยู่ระหว่างทำบันทึกสรุปเหตุการณ์ โดยประสานความร่วมมือไปยังชุดพญาเสือ ให้ลงพื้นที่ดูบันทึกการจับกุม และตรวจพยานหลักฐานให้ถูกต้องรัดกุม ก่อนส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนคดี ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จภายใน 1-2 วัน

ส่วนกรณี ด่านตรวจค้นรถนั้นพบว่า กลุ่มของ นายเปรมชัย มีการผ่านด่านตรวจเข้าไปจริง ไม่ได้เป็นลักลอบ แต่ทางกรมอุทยานฯ ไม่มีเครื่องมือเพียงพอที่จะตรวจหาวัตถุระเบิดหรือ กระสุนปืน ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าไปได้ และลักษณะการตรวจค้น เป็นการตรวจแบบรถของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ตรวจค้นรถผู้ต้องสงสัย ขณะที่ จุดเกิดเหตุไม่ใช่จุดที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ตั้งแคมป์พัก แต่อยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร นางสาวกาญจนา ยืนยันว่า ตนและเจ้าหน้าที่ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มดังกล่าวเข้าไปล่าสัตว์ โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ และมองว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงาน เพราะมั่นใจว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว หลังทราบว่า คนกลุ่มนี้ตั้งแคมป์นอกพื้นที่ได้รับอนุญาติ ก็ได้เข้าไปว่ากล่าวตักเตือน รวมถึงเมื่อได้ยินเสียงปืนก็รีบขอกำลังเสริมเข้าไปตรวจตรา จนพบการกระทำผิดดังกล่าว

เบื้องต้น พบการกระทำผิด พ.ร.บ.สงวนและคุมครองสัตว์ป่า มาตรา 16 ห้ามไม่ให้ผู้ใดล่า หรือ พยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง, มาตรา 19 การครอบครองซากสัตว์ป่า และมาตรา 36 ห้ามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ส่วนเรื่องของการครอบครองอาวุธปืนเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างแน่นอน โดยไม่มีการละเว้นว่าเป็นคนใหญ่คนโต หรือมีชื่อเสียง