จากกรณีของนายประยงค์ อินทรถนอม หรือ จ้อง อายุ 49 ปี ก่อเหตุใช้ขวานจามศีรษะ น.ส.เพ็ญศรี นวลวงค์ อายุ 40 ปี เสียชีวิตคาที่นอน ภายในบ้านของฝ่ายหญิง ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แล้วหลบหนีไป ซึ่งครอบครัวฝ่ายหญิงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายประยงค์เป็นคนขี้หึง หึงแม้กระทั่งญาติผู้ชายของฝ่ายหญิง
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งสง กำลังเร่งตามตัวผู้ต้องหารายนี้มารับโทษ โดยได้ตามไปสวบสวนญาติและเพื่อนรวมถึงนายจ้างก่อสร้างเก่าของผู้ต้องหาแล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้
ล่าสุดวันที่ 2 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านของผู้ตาย เวลาประมาณ 10.30 น. ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม
นางนวรัตน์ นวลวงค์ อายุ 52 ปี พี่สาวผู้ตาย เปิดเผยว่า ขณะนี้แม่ของผู้ตายยังคงอยู่ในภาวะโศกเศร้า นอนร้องไห้ทั้งคืน เนื่องจากสนิทกับผู้ตายมากที่สุด หวังให้ผู้ตายดูแล วันนี้แม่ก็ไปตระเวนออกไปทำบุญตามวัดต่าง ๆ อุทิศส่วนกุศล อีกทั้งยังได้บ่นกับครอบครัวว่า "ทำไมต้องฆ่า อย่างน้อยถ้าบาดเจ็บหรือพิการ แม่จะดูแลเอง"
ตนคิดว่าผู้ต้องหาน่าจะมีสภาวะทางจิต เพราะขี้หึงเกินไป ชอบหึงอยู่เงียบ ๆ และติดเหล้า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้เก็บเครื่องมือช่างพร้อมเสื้อผ้าบางส่วนขับขี่รถจักรยานยนต์หายตัวไป ตนไม่รู้ว่าผู้ต้องหาไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน ไม่มีใครรู้เรื่องส่วนตัวของผู้ต้องหานอกจากผู้ตาย
ขณะนี้ตนกลัวว่าผู้ต้องหาจะย้อนกลับเข้ามาทำร้ายสามีของตนและครอบครัว เนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุด้วยความโหดเหี่ยมและเคยคิดจะก่อเหตุใช้ขวานจามสามีตนมาก่อน เพราะความหึงหวงที่สามีตนเอาแกงไปให้ผู้ตาย โดยผู้ต้องหาได้ใช้จังหวะที่สามีตนเมาหลับ แอบย่องถือขวานเข้ามาใกล้ ๆ แต่ทางครอบครัวได้เข้าไปห้ามเอาไว้ได้ทัน อีกทั้งบริเวณรอบบ้านของตนยังเป็นป่า ไม่มีไฟส่องสว่าง หากผู้ต้องหาแอบกลับเข้ามา คงจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ตนจึงอยากจะวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็ว ตนและครอบครัวจะได้หลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ต้องหาได้รับโทษตามที่ควรจะเป็น ไม่ต้องมาขอขมาศพ เพราะครอบครัวยังโกธรแค้น ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน อย่ามาเจอกันอีกเลย
ด้านนางเขียว อินทรถนอม อายุ 70 ปี แม่ของผู้ต้องหา ร้องไห้กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวคนโตบอกให้ตนใจเย็น ๆ และทำใจดี ๆ พร้อมบอกว่าลูกชายของตนโดนคดีฆ่าคนตาย นาทีนั้นตนถึงกับร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก แน่นหน้าอกเกือบจะเป็นลม เพราะเป็นโรคหัวใจ คิดว่าทำไมไม่รักไม่ชอบกันแล้วไม่ถอยออกมา ทำไมถึงต้องก่อเหตุแบบนี้ ตนเคยเจอกับผู้ตายครั้งหนึ่งเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว คิดว่าทั้งคู่น่าจะดูแลกันไปจนแก่ แต่ลูกชายก็ก่อเหตุขึ้นเสียก่อน ตนเข้าใจหัวอกแม่ของผู้ตาย หากมีใครทำกับลูกตนแบบนี้ ตนก็เสียใจเหมือนกัน
ทั้งนี้ ลูกชายมีนิสัยติดสุราและขี้หึง มักจะเมาและทะเลาะกับผู้เป็นพ่ออยู่เป็นประจำ จากนั้นออกจากบ้านไป 10 ปี ก็ไม่เคยติดต่อหรือกลับมาที่บ้านอีกเลย จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน พ่อเสียชีวิตด้วยอาการไตวาย ลูกชายก็เดินทางมาเคารพศพพ่อแล้วก็หายตัวไป ตนไม่นึกมาก่อนว่าลูกชายจะก่อเหตุเช่นนี้ได้ เพราะไม่เคยมีประวัติก่อคดีและไม่เคยเสพยาเสพติด
"หากลูกชายดูอยู่ก็ขอให้มามอบตัว หนักจะได้เป็นเบา อย่าหนีเลย ยิ่งหนีก็ยิ่งไปกันใหญ่" ส่วนตนไม่มีเงินประกันตัวลูกชาย ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย