หนุ่มหน้าบากฉุนเพื่อนทักแผล คว้ามีดแทงดับอ้างโดนรุม ญาติชี้จงใจขี่จักรยานมาฆ่า (คลิป)

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 เวลา 02.30 น. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายภัทรพล แสงฤดี อายุ 30 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้ใช้อาวุธมีดเข้าทำร้ายร่างกายนายโสภณ คำเจริญ อายุ 25 ปี มีบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าท้องด้านซ้ายลำไส้ทะลักออกมาด้านนอก

โดยเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งที่ โรงพยาบาลภูมิพล ส่วนอีกคือนายอิทธิพล ทรัพย์สมบุญ อายุ 46 ปี มีบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกซ้ายและขวา และข้างลำตัวด้านซ้าย รวมทั้งหมด 4 แผล สภาพสวมเสื้อยืด สีแดง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ลักษณะนอนหงายจมกองเลือด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยเหตุเกิดขึ้นที่บริเวณปากซอยวัดเวฬุวนาราม 15 แขวงและเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

นางสาวแก้วตา กุดเขียวอาจ อายุ 39 ปี ภรรยาเจ้าของร้าน เปิดเผยว่า นายอิทธิพล ผู้เสียชีวิตมีอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างส่งของ หลังเลิกงานก็มักจะชวนเพื่อนมานั่งดื่มสุราที่ร้านของอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุระหว่างที่นายอิทธิพลและเพื่อนประมาณ 5-6 คนกำลังนั่งดื่มสุรากันตามปกติ นายภัทรพลซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา ก็เข้ามาขอซื้อเบียร์ที่ร้าน แต่ร้านไม่ขายให้เพราะเกินเวลา ทำให้นายภัทรพล ไม่พอใจและโวยวายเสียดัง

นายอิทธิพล จึงเข้าไปห้ามปรามและบอกให้กลับบ้าน เป็นเหตุให้นายภัทรพล ไม่พอใจอย่างหนัก จึงกลับไปนำมีดยาวที่บ้านพัก ออกมาแทงนายอิทธิพลและเพื่อน ๆ จนเกิดเหตุชุลมุน จากนั้นผู้ก่อเหตุได้พยายามวิ่งหลบหนี แต่ถูกชาวบ้านช่วยกันจับตัวไว้ได้ โดยยืนยันว่าผู้เสียชีวิตกับผู้ก่อเหตุไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนมีดที่ลงมือก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้นำมาจากที่บ้านไม่ใช้มีดที่ร้านแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามในที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธมีดปลายแหลมจำนวน 3 เล่ม และมีดอีโต้อีก 1 เล่ม ซึ่งเปื้อนเลือดตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ตัวของผู้ก่อเหตุยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โดย พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.ดอนเมือง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการอายัดตัวไว้ ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ บริเวณปากซอยวัดเวฬุวนาราม 15 พบว่าเป็นลักษณะร้านของชำในห้องแถว 1 ห้อง ที่ตั้งอยู่ปากซอยปิดล็อกไว้ จากการสอบถามจากพ่อค้าแม่ค้าใกล้เคียง ทราบว่าร้านจะเปิดช่วงค่ำตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. เป็นต้นไป ขณะเดียวกันสังเกตว่า บริเวณพื้นคอนกรีตที่หน้าร้านของชำ ตลอดจนแนวถนนหน้าร้านดังกล่าว มีรอยคลายเลือดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้าง ลักษณะเป็นเลือดที่พุ่งกระจาย และหยดเป็นทางยาว อีกทั้งมีรอยคราบเลือดที่กระเด็นติดอยู่ที่แผงร้านค้าฝั่งตรงข้ามถนนอีกด้วย

ต่อมาทีมข่าวเดินทางมายัง “วัดสีกัน ถนนสรงประภา เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร” ศาลา 2 ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งศพของ “นายอิทธิพล ทรัพย์สมบุญ” อายุ 46 ปี ผู้เสียชีวิตที่ถูกแทงหน้าร้านขายของชำเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวนำศพออกมาจากสถาบันนิติเวช รพ.ภูมิพล เพื่อนำมาประกอบพิธีสวดอภิธรรมศพ ก่อนกำหนดวันฌาปณกิจศพอีกครั้ง

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายธีรพล ทรัพย์สมบุญ อายุ 56 ปี พี่ชายคนโตของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ซึ่งนายอิทธิพล คนเสียชีวิตเป็นคนรองสุดท้อง เข้ามาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ กว่า 10 ปี ช่วงแรกมาทำงานเป็นเบื้องหลัง ช่วยงานด้านเครื่องเสียง กระทั่งมีปัญหาเศรษฐกิจจากพิษของโควิด-19 ทำให้เปลี่ยนแปลงงานหันมาขับรถแกร็บส่งอาหาร และในแต่ละวันหลังเลิกงานผู้เสียชีวิตจะมานั่งที่ร้านของชำที่เกิดเหตุทุกวัน เพื่อพบปะพูดคุยเจอกับเพื่อน ๆ ที่มีแต่ผู้ใหญ่ มาสังสรรค์ดื่มกินอย่างสนุกสนาน และไม่เคยมีเหตุทะเลาะวิวาทหรือมีปากเสียงกับใคร

นอกจากนี้ นายธีรพล ยังเล่าต่อว่า ในวันเกิดเหตุหลังจากผู้เสียชีวิตขับแกร็บเสร็จแล้ว จึงไปนั่งดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนรวมทั้งหมด 7 คน ที่ร้านของชำ กระทั่งเวลาประมาณ 01.30 น. นายภัทรพลขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้านขายของชำ ก่อนเดินเข้าไปซื้อเบียร์ จังหวะนั้นคนก่อเหตุรู้จักกับหนึ่งในคนที่นั่งดื่มอยู่ คนก่อเหตุจึงยกมือไหว้ทักทายกัน ซึ่งคนที่รู้จักกับคนก่อเหตุเห็นว่า ใบหน้าคนก่อเหตุมีบาดแผล จึงถามว่าไปโดนอะไรมา

จากนั้นคนก่อเหตุตอบกลับมาว่า “โดนตีมาแถวตลาดโอโซนวัน” แต่คนที่รู้จักกับคนก่อเหตุ ไม่เชื่อ จึงทักท้วงว่า แผลถลอกเป็นแนวยาว คล้ายกับแผลรถล้ม จากนั้นผู้ก่อเหตุเริ่มมีท่าทีไม่พอใจ และพยายามเข้าไปซื้อเบียร์ที่ร้านของชำ แต่เจ้าของร้านเห็นว่าเมาแล้ว จึงไม่ขายให้ คนที่นั่งดื่มอยู่จึงพูดขึ้นว่า “เมาแล้วก็กลับไปนอน” สร้างความไม่พอใจให้กับคนก่อเหตุ ก่อนคนก่อเหตุจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไป ซึ่งช่วงที่มีการพูดคุยกันนั้น ผู้เสียชีวิตไม่ได้คุยอะไรกับคนก่อเหตุเลย เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

จากนั้นผ่านไปไม่ถึง 10 นาที คนก่อเหตุปั่นจักรยานออกมาที่หน้าร้านขายของชำ พกอาวุธมีดปลายแหลมขนาดใหญ่ออกมาด้วย จากนั้นเข้ามาล็อกตัวผู้เสียชีวิตจากด้านหลัง เนื่องจากคนเสียชีวิตนั่งอยู่มุมโต๊ะติดถนน หันหลังให้ผู้ก่อเหตุ และเป็นคนแรกที่ผู้ก่อเหตุเข้าถึงตัวเร็วที่สุด เมื่อล็อกตัวแล้ว คนก่อเหตุใช้มีดจ้วงแทงอย่างแรงเป็นแผลฉกรรจ์ 3 จุด คือ ใต้ราวนมขวา บริเวณลำคอ และหน้าอกซ้าย จากนั้นผู้เสียชีวิต เจ็บสาหัสเดินโซเซออกมาจากร้านของชำ ก่อนล้มลงเสียชีวิตริมถนนเยื้องกับหน้าร้าน ห่างหน้าร้านประมาณ 10 เมตร

จากนั้นทีมข่าวเดินทางต่อมายังโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่นายภัทรพล ผู้ก่อเหตุ นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษ ภายหลังจากที่เข้ารับการรักษาผ่าตัดที่แขนขวา สภาพบาดแผลที่แขนขวาถูกมีดอีโต้ฟันจนเป็นแผลลึกถึงเส้นเอ็นแขน มีบาดแผลถูกมีดแทงที่แก้มซ้าย เย็บ 20 เข็ม และแผลที่เข่าซ้ายถูกมีดแทง เย็บ 2 เข็ม อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ขณะพักรักษาตัวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดตัวและคุมอยู่ภายในห้องจำนวน 2 นาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุตามทำร้ายกันอีก และป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องหาด้วย

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับนายภัทรพล เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนขับรถมาจอดที่หน้าร้าน ก่อนจะเดินเข้าไปซื้อเบียร์ จังหวะนั้นมีอาการมึนเมาแอลกอฮอล์มาก ขาดสติ และยอมรับว่ามีการเสพสารเสพติดมาก่อน จึงทำให้เมาและมีอารมณ์คลุ้มคลั่งได้ง่าย จากนั้นตนเดินเข้าไปในร้านของชำ เจอกับกลุ่มคู่กรณีนั่งดื่มกันหลายคน ตนยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ที่ตนรู้ แล้วเดินเข้าไปซื้อเบียร์

จังหวะนั้นยอมรับว่า ตนพูดจาเสียงดัง เพราะเป็นคนพูดเสียงดังเป็นปกติอยู่แล้ว แต่กลับถูกกลุ่มคู่กรณีต่อว่า หาว่าเป็นนักเลง พูดจาข่มขู่ว่า “มึงนักเลงมาจากไหน ใหญ่โตมาจากไหน เสียงดังเนี่ย” ตนตอบกลับว่า “ผมพูดเสียงดังเฉย ๆ” และคล้ายจะลุกขึ้นมาทำร้ายตน ตนตกใจมาก จึงตัดสินใจเดินไปเอามีดที่อยู่ใต้เบาะรถออกมา ซึ่งเป็นมีดปลายแหลมที่ตนนำไปใช้หั่นผักหั่นหมูที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำของตน

ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อเหตุแต่อย่างใด เมื่อนำมีดออกมา จังหวะนั้นคนเสียชีวิต ลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าร้าน ตนจึงเดินเข้าไปล็อกตัวจากด้านหลังแล้วใช้มีดแทงที่ตัวคนเสียชีวิตหลายแผล กระทั่งเหตุการณ์เกิดชุลมุนขึ้น มีการยื้อแย่งมีดกัน ตนโดนรุมทำร้ายถูกกลุ่มคู่กรณีใช้ขวดเบียร์ฟาดศีรษะหลายขวด ถูกอาวุธมีดปลายแหลมแทงที่แก้มซ้าย และตามลำคออีกหลายจุด และหัวเข่าซ้ายเป็นแผลขนาดใหญ่ จังหวะนั้นทางคู่กรณีใช้มีดอีโต้เล่มใหญ่ จะฟันเข้าที่ศีรษะตนจึงใช้แขนขวายกมาบังไว้ ทำให้แขนขวาถูกฟันเป็นแผลลึก ก่อนล้มลงที่พื้นด้วยสภาพเลือดอาบแขนและใบหน้า จากนั้นมาเจ้าหน้าที่สายตรวจพื้นที่ สน.ดอนเมือง เข้ามาระงับเหตุ ก่อนนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

ภายหลังเกิดเหตุ ตนไม่ทราบว่า นายอิทธิพล เสียชีวิต เพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงถึงขนาดนี้ ยอมรับว่าเป็นความผิดที่ไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์โมโปได้ เนื่องจากถูกข่มขู่และถูกหาเรื่องรุมทำร้าย จึงก่อเหตุขึ้น อย่างไรก็ตาม “ตนอยากขอโทษ” ครอบครัวคนตาย ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าใคร เพราะความขาดสติจากการเมา ทั้งนี้พร้อมยอมรับความผิดตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทางครอบครัวจะไม่มีการสู้คดี ตนก็พร้อมรับโทษต่อไป

ขณะที่ด้านของ ร.ต.อ.ชญาสิทธิ์ พามา รองสารวัตรสอบสวน สน.ดอนเมือง ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ พยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องและกลุ่มคนที่อยู่ในเหตุการณ์ วันเกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน อีกทั้งเบื้องต้นการส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำพ่อผู้ก่อเหตุที่โรงพยายาล และรอคนก่อเหตุรักษาตัวให้อาการดีขึ้น จึงจะมีการเชิญตัวเข้าไปสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป