ลุงพลเดินเท้าเปล่าขึ้นเขาขอขมาสถูปเกจิ รับผิดปักธูปกลับหัว ชาวบ้านอภัย (คลิป)

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 นายไชย์พล วิภา เดินทางมาคุกเข่าต่อหน้า ยายอุ่น และยายกลม ซึ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้าน โดยยายอุ่น เล่าว่า มีหมอธรรมโทรศัพท์มาบอกว่าหมอธรรมมีนิมิตเกี่ยวกับหลวงปู่ลิ้น ว่าหากไม่ไปขอขมา หมู่บ้านกกกอกจะลุกเป็นไฟ ตนก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง ให้อภัยกับชาวบ้านด้วย

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ลุงพลก็ขอว่า หากขอขมาเสร็จแล้ว จะขอมาขมายายอุ่นด้วย ยายอุ่นระบุว่าตนไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนเรื่องหมอปลาก็ไม่ได้ห้าม หากจะจุดธูป จุดเทียนก็ได้ จุดที่วัด ที่บ้านลุงพลก็ได้ ขออย่าฟังคนอื่นให้มากมาย โดยยายอุ่น บอกอีกว่า ทีแรกที่ตนไปปรึกษากับชาวบ้านไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราว อยากให้ลุงพลไปขอขมาเงียบ ๆ แต่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่

จากนั้นยายอุ่นได้ไปเตรียมทำเทียนขี้ผึ้งแท้ โดยการทำคือการนำขี้ผึ้งมาอังไฟ เพื่อให้อ่อนตัว จากนั้นนำไปปั้นใส่กับฝ้ายมงคล ความยาวราว 1 คืบ เพื่อใช้เป็นเทียนประกอบขันธ์ 5 ขันธ์ 8

นายไชย์พล ได้แต่งกายด้วยชุดสีขาว ออกจากบ้าน โดยก้าวขาขึ้นรถด้วยขาขวา ในเวลา 14.14 น. และไปแวะเก็บดอกไม้ที่ปากซอยบ้านน้องชมพู่ในเวลา 14.16 น. และเดินทางถึงวัดภูผาแอกในเวลา 14.22 น. โดยก้าวขาซ้ายลงจากรถ

หลังจากนั้นลุงพลได้เข้าไปจุดธูป 3 ดอก กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยและกราบพระประธานในศาลา และได้ไปกราบพระอธิการบุญมา ศรีลเตโช เพื่อแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดภูผาแอกทราบว่า จะเดินขึ้นถ้ำภูผาแอกเพื่อไปขมา

ลุงพลเริ่มออกเดินขึ้นถ้ำภูผาแอกในเวลา 14.30 น. โดยเดินเท้าเปล่าและเดินอย่างใจเย็น ซึ่งระหว่างเดินเมื่อถึงเวลานั่งพัก ลุงพลก็จะเปิดหนังสือพระมนต์พิธี 2 เล่มเพื่อท่องคำขอขมาตลอดทาง เพื่อจะได้ท่องสวดอย่างถูกต้อง

เมื่อมาถึงเวลา 15.10 น. ได้กราบป้ายทางเข้าถ้ำ 3 ครั้ง และลุงพลได้ไปยังจุดที่เคยกล่าวคำสาบาน เพื่อจัดดอกไม้และเทียนทำขันธ์ 5 (เทียนขี้ผึ้ง 5 คู่) และขันธ์ 8 (เทียนขี้ผึ้ง 8 คู่) ต่อหน้าพระพุทธรูปปางนาคปรกองค์เล็กที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสถูปเจดีธาตุและรูปปั้นเหมือนของพระอาจารย์ลิ้น และได้จุดธูป 9 ดอก กล่าวนะโม 3 จบ พร้อมปักธูปหน้าพระพุทธรูป

โดยหันไปทางสถูปเจดีธาตุพระอาจารย์ลิ้น กล่าวคำขอขมาครูบาร์อาจารย์เป็นภาษาบาลี หลังจากนั้นก็กล่าวคำขอขมาเป็นคำแปลว่า ด้วยกายะกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง ถ้าข้าพเจ้าได้ล่วงเกินด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอครูบาอาจารย์ เจ้าที่เจ้าฐาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ ณ ถ้ำผาแอกแห่งนี้ ทรงโปรดเป็นประธาน

ข้าพเจ้านายไชย์พล วิภา ได้ขึ้นมาขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ถ้ำผาแอก ด้วยอำนาจบารมีของหลวงปู่ลิ้น ทีฆปัญโญ ขอให้หลวงปู่ลิ้นและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐาน ณ ถ้ำผาแอกแห่งนี้ ลูกมาขอขมาสิ่งศักดิ์ ณ ถ้ำแห่งนี้ การอันใดก็ดีที่ลูกได้ล่วงเกิน ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามบรรพบุรุษที่เคยกระทำมา วันนี้ลูกมาขอขมาลาโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และต่อไปนี้สิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถ้ำผาแอก ถ้ากรรมอันใดที่ลูกกระทำไปแล้วก็ขอให้อโหสิกรรมให้ด้วย และต่อไปก็ขอให้ครอบครัวของข้าพเจ้ามีแต่ความสุขความเจริญ ผู้มีพระคุณครูบาอาจารย์มีความเจริญรุ่งเรื่องยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ

หลังจากนั้นลุงพลได้กล่าวสาธุ 3 ครั้ง และก้มลงกราม 3 ครั้ง ซึ่งทีมข่าวสังเกตว่าลุงพลท่องคำขอขมาตะกุกตะกัก เนื่องจากต้องอ่านตามหนังสือ

หลังจากนั้นลุงพลได้กล่าวคำขอขมาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 เพราะต้องการกล่าวด้วยคำพูดตัวเองให้ฉะฉาน โดยลุงพลก้มลงกราบ 3 ครั้งและตั้งนะโม 3 จบ พร้อมกล่าวว่า ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐาน ณ ถ้ำแห่งนี้ ด้วยอำนาจบารมีของพระอาจารย์ลิ้น ทีฆปัญโญ ข้าพเจ้านายไชย์พล วิภา ได้ขึ้นมาขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านกกกอก เนื่องด้วยข้าพเจ้าได้ทำการลงไปด้วยการปักธูป 9 ดอกกลับด้าน ซึ่งลูกไม่ได้มีเจตนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ที่ ณ ถ้ำแห่งนี้ได้โปรดอโหสิกรรมให้ลูกด้วย และขอให้การขอขมากรรมครั้งนี้ได้ส่งผลไปถึงญาติมิตรสหาย ครูบาอาจารย์ รวมทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า หลังจากนี้ขอให้ได้รับความสุขความเจริญด้วยอายุวรรณะสุขะ พละ ทุกคนทุกท่านเทอญ

โดยหลังกล่าวจบ ลุงพลก็ได้ก้มลงกราบ 3 ครั้ง และพูดกับสื่อมวลชนว่า ถ้าทำแบบนี้น่าจะดีกว่า เพราะชาวบ้านจะได้เข้าใจว่าตนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่

ภายหลังจากการขอขมา นายไชย์พล วิภา เปิดเผยว่า วันนี้ตนรู้สึกสบายใจที่ได้มาขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านตามที่ชาวบ้านต้องการ ซึ่งตนต้องกล่าวขอขมาถึง 2 ครั้ง เพราะครั้งแรกตนพูดตามหนังสือและรู้สึกว่ายังไม่สบายใจ จึงได้กล่าวคำขอขมาอีกครั้งเพื่อขออโหสิกรรม ซึ่งวันนี้ตนได้แต่งชุดขาวและเดินเท้าเปล่าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่คนในหมู่บ้านอยากให้ตนทำสิ่งที่ถูกต้อง

แม้สิ่งที่ตนทำจะทำให้ชาวบ้านมีกระแสรวมตัว แต่ตนก็ไม่กังวลเพราะเชื่อว่าก็มีชาวบ้านที่ไม่ชอบสิ่งที่ตนทำ และถ้าบางเรื่องเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ก็จะมาคุยกันซึ่งเป็นเรื่องปกติของชาวบ้าน และตนเชื่อว่าชาวบ้านได้เห็นสิ่งที่ตนทำว่า ตนก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งอานาคตข้างหน้าตนต้องอยู่ไปอีกนาน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รู้สึกน้อยใจและไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะรู้จักการปล่อยวางและเพียงแต่ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง และถ้าทำขนาดนี้แล้วชาวบ้านยังมีความกังวลใจ ถ้าชาวบ้านคนไหนที่อยากให้ตนขอขมาอีกตนก็ยินดีทำอีก และอยากให้ชาวบ้านมาดูด้วย เพราะตนก็ต้องเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ของหมู่บ้าน

สุดท้ายนี้ตนและป้าแต๋นก็ต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเมื่อวานนี้สาเหตุที่ตนไม่ได้เข้าไปในที่ประชุม เพราะกลัวจะพูดจารุนแรงใส่กัน และสถานการณ์ในหมู่บ้านตอนนี้ ทุกคนก็เหมือนคนที่หวาดระแวงใส่กัน

ภายหลังลุงพลเดินทางไปขอขมาถ้ำภูผาแอก ทีมข่าวไปพูดคุยกับ นางอุ่น อวนวัง อายุ 70 ปี คนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้านกกกอก เปิดเผยว่า ตนก็ให้อภัยกับลุงพลและชาวบ้านกกกอกก็ดีใจที่ลุงพลไปขอขมาหลวงปู่ลิ้น ส่วนกรณีที่ลุงพลกล่าวคำขอขมาถึง 2 ครั้งนั้น ก็ไม่มีใครติดใจอะไร เพราะเขาจะขอขมากี่ครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับเขา และตนก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไร

กรณีที่ลุงพลไขว้ขาตอนสาบาน ตนก็ไม่อยากแสดงความคิดเห็น เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำคืออะไร ส่วนเรื่องกินถ่านนั้น ตนก็ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน แต่ถ้าลุงพลจะกินถ่านมันก็เป็นเรื่องของเขา

อย่างไรก็ตาม สำหรับวันนี้ที่ลุงพลตั้งใจขอขมาด้วยการเดินเท้าเปล่าขึ้นเขานั้น ตนก็รู้สึกสบายใจ เพราะเขาทำผิดและยอมรับ และขึ้นไปขอขมา ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนเรื่องคำสาบานที่ลุงพลกล่าวนั้น ตนไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจแต่อย่างใด สุดท้าย เรื่องของหมอปลาที่จะเดินทางมานั้น ตนไม่ได้กีดกั้นอะไรเพราะเป็นสิทธิ์ของเขา

นางพงษ์สุดา เชื้อคนเเข็ง หรือย่าของน้องอชิ กล่าวว่า กรณีการปักธูปของลุงพลเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเมื่อวานตนก็ได้ไปเเนะนำลุงพลเเล้วว่าให้นำขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ไปขอขมา ซึ่งตนก็ไม่ได้โกรธลุงพล เมื่อขอขมาเสร็จเรื่องนี้ก็จบ

ส่วนกรณีนางนลิน หรือ ป้าถอน กับนางจำลอง ที่เคยไปปักธูปกลับหัวบนภูเหล็กไฟ แต่กลับเเสดงความไม่พอใจที่ลุงพลปักธูปกลับหัวบนวัดภูผาเเอกนั้น ย่าน้องอชิ กล่าวว่า การปักธูปกลับหัวบนภูเขา หรือหน้าบ้าน หรือสถานที่อื่น ๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด ชาวบ้านก็ไม่เดือดร้อนอะไร เเต่กรณีนี้เป็นการปักกลับหัวต่อหน้าอัฐิธาตุของพระอาจารย์ลิ้น เป็นสิ่งที่ชาวบ้านเคารพนับถือ จึงมองว่าไม่สมควร ดังนั้นปัญหาทั้งหมด เกิดจากสถานที่ที่ทำการปัก

เมื่อขอขมาเสร็จเรื่องนี้ก็จบ ก็รู้สึกดีเเละสบายใจ เพราะถือว่าการขอขมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ควรทำ ตนเป็นคนกลาง ห่วงทุกคนมาโดยตลอด ส่วนกรณีคำสาบาน การกินถ่าน การกล่าวบทขอขมา 2 รอบ ท่านั่งวันสาบาน 3 ท่า การถอดรองเท้าขึ้นวัด ประเด็นเหล่านี้ตนไม่สงสัย คิดว่าลุงพลคงมีเหตุผล ไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งชาวบ้านก็รู้สึกไม่สบายใจเเค่เรื่องปักธูปอย่างเดียว