วันนี้ (8 ม.ค.61) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมาพร้อม น.ส.โสภา ดวงศรี ผู้เสียหาย เพื่อร่วมรายการ "คลายทุกข์ชาวบ้าน" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.15-15.00 น. ทางที่สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 จากรณีที่ถูกแอบอ้าง ใช้ชื่อ-นามสกุลจริง ไปเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ตั้งแต่ปี 2555 โดยคดีนี้มีความแปลกคือ คดีนี้ผู้ต้องหาตัวจริงก็ถูกรับโทษ โดยที่ชื่อจริง-นามสกุลจริง เป็นของ น.ส.โสภา ทำให้ น.ส.โสภา เกิดความเดือดร้อนไม่สามารถสมัครงานที่ไหนได้ อีกทั้งยังไม่สามารถทำพาสปอร์ตเดินทางไปต่างประเทศได้
นายษิทรา เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี ระบุว่า ผู้เสียหายมีประวัติทางอาชญากรรม โดยที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด ซึ่งมาทราบภายหลังว่ามีผู้แอบอ้างใช้ ชื่อ-นามสกุล โดยผู้ที่แอบอ้างใช้ชื่อตนนั้น เป็นเพื่อนที่รู้จักกันซึ่งเคยถูกจับคดียาเสพติดมาแล้วถึง 4 ครั้ง
นายษิทรา นำเอกสารหลักฐานให้ทีมข่าวดู จากการตรวจสอบลายนิ้วมือ พบความผิด 3 ครั้งแรก เป็นชื่อของผู้ต้องหาตัวจริง แต่ในครั้งที่ 4 เป็นครั้งล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.2555 กลับปรากฏชื่อของ น.ส.โสภา เมื่อตนตรวจสอบดูตามเอกสารบันทึกการจับกุม บันทึกฝากขัง ปรากฏว่าเป็นชื่อของผู้เสียหาย
โดยส่วนตัวสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ผู้ทำประวัติไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่า เหตุใดชื่อของผู้ต้องหา ทำไมถึงไม่ตรงกัน ซึ่งเอกสารต่างๆ ยังนำไปสู้การฟ้องศาล โดยเอกสารคำฟ้องมีความแปลกคือ ระบุชื่อผู้ต้องหา 2 ชื่อ ใช้คำว่า “หรือ” เชื่อมไว้ ซึ่งอ้างตีความได้ว่า ผู้ฟ้องเองยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ผู้กระทำผิดเป็นใคร
คดีดังกล่าวศาลได้มีการตัดสินจำคุก โดยการรอลงอาญา ผู้ต้องหาต้องถูกคุมประพฤติ ซึ่งเหตุดังกล่าวต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องทำการล้างประวัติ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค. 60) ตนพร้อมผู้เสียหาย จะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่เรือ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ตนมองว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้ ต้องมีการพูดคุยเพื่อขอทราบข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน
ทั้งนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ น.ส.โสภา ดวงศรี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น ตนเพิ่งมาทราบเรื่องเมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2560 ว่าตนมีประวัติทางอาชญากรรม ตอนที่เดินทางไปทำพาสปอร์ต แล้วไม่สามารถทำได้ ซึ่งตนได้สอบถามกับผู้ต้องหาตัวจริง ซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล อยู่หมู่บ้านเดียวกันใน จ.หนองคาย บ้านอยู่ตรงข้ามกัน โดยช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาตนกลับไปเยี่ยมบ้าน พบกับผู้ต้องหา ซึ่งเมื่อสอบถามไป ผู้ต้องหายอมรับว่าได้แอบอ้างชื่อตัวเองไปจริง โดยบอกว่า ตัวผู้ต้องหามีคดีติดตัว หลายคดี กลัวว่าความผิดครั้งนี้ จะถูกลงโทษหนัก ตนก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะดคีผ่านมา 5 ปี ตนเองจึงทำใจได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้สนิทกับผู้ต้องหา เพียงรู้จักกันเท่านั้น อีกทั้งตั้งแต่ผู้ต้องหาเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้สงสัยอะไร เนื่องจากช่วงปี 2555-2556 เคยมีจดหมายส่งมาที่บ้าน ให้ตนไปพบเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ซึ่งตนไปแสดงตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และไม่เคยต้องโทษอะไร ส่วนตัวที่เดินทางมาร้องสื่อฯ เนื่องจากที่ผ่านมาตนมีปัญหา ไปสมัครงานที่ไหน ไม่มีใครรับทำงาน โดยไม่ได้บอกเหตุผล ที่ผ่านมากว่า 6 ปี ตนไม่เคยทราบว่า สาเหตุมาจากเรื่องนี้ ได้แต่ทำงานขายดอกไม้ตามวันพระ วันโกน 1 เดือน ขายได้เพียง 8 วัน เท่านั้น
น.ส.โสภา ยืนยันกับทีมข่าวอีกว่า ตนเองไม่เคยมีคดีอะไรมาก่อน ไม่เคยถูกจับ ไม่เคยติดคุก เพียงแค่อยากให้เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยล้างประวัติให้ตน