กรณีเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ปรากฎวันนี้ทีมข่าวเห็นคนจร ตามเบาะแสที่เคยได้ว่าคนร้ายคือ คนผมยาว ชาวรายนี้ลักษณะเป็นคนจร เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาด มาตามถนนใหญ่ มุ่งหน้ามาที่บ้านกกกอก คาดว่าเดินมาจากบ้านกกตูม สูงราว 160 ซม. สะพายเป้สีดำ 1 ใบ มีกระสอบปุ๋ย 1 ใบ
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
จากที่สังเกตด้วยตาพบว่าทั้งกระสอบ ทั้งกระเป๋ามีสิ่งของบรรจุอยู่เต็ม โดยในมือของชายรายนี้ยังมีชะแลงอยู่ในมือ ใช้สำหรับเอากระสอบห้อย ชายรายนี้อายุราว 40-50 ปี ผิวสีดำแดง ผมยาวรากไทร คล้ายเพิ่งตัดมา ผมแหว่ง ๆ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง
เมื่อชายรายนี้เห็นทีมข่าวได้มีท่าทีตกใจ และวิ่งหนีทีมข่าวทันที ทีมข่าวพยายามสอบถาม แต่ชายรายนี้พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง บอกเสียงเบา ๆ ว่า จะไปเขาวง โดยที่วิ่งเพราะรีบ มีคนรออยู่ จากนั้นชายรายนี้ก็วิ่งโดยที่ไม่พูดอะไร ออกวิ่งเข้าข้างทางไปทันที
ทีมข่าวพยายามเดินเข้าไปในจุดที่ชายรายนี้วิ่งเข้าไปในป่า ซึ่งเป็นเชิงเขาของภูกะโล้น ซึ่งห่างจากหมู่บ้านกกกอกราว 2 กิโลเมตร ซึ่งเข้าไปก็ไม่พบอะไร เจอเพียงกองเสื้อผ้าที่ถูกนำมาทิ้ง สภาพค่อนข้างเก่า เพราะปลวกขึ้นแล้ว จากนั้นผ่านไปราว 1 ชั่วโมง พบว่าขายรายนี้ยังเดินผ่านหมู่บ้านอีก โดยทีมข่าวขับรถตามไปจนพบชายรายนี้ เดินไปตามถนน เมื่อหันมาเห็นทีมข่าว ชายรายนี้วิ่งเข้าข้างทางอีก ทีมข่าววิ่งตามไปจนชายรายดังกล่าวเหนื่อย จึงหยุดวิ่ง และเดิน ได้ให้ทีมข่าวคุยด้วย
ทีมขาวพยายามถามว่า ทำไมต้องวิ่ง เมื่อถอดรหัสชายรายนี้บอกว่า รู้สึกกลัว กลัวจะเสียเวลา เพราะกำลังจะเดินทางไปที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และไม่รู้เรื่องน้องชมพู่ ไม่เคยมาบ้านกกกอก ไม่ใช่คนร้าย ทีมข่าวขอดูกระสอบและกระเป๋าที่ชายคนนี้แบกมา แต่ชายคนนี่ไม่ยอมให้ทีมข่าวดู จากนั้นก็วิ่งมุ่งหน้าเข้าป่าไปอีกครั้ง
ล่าสุดวันที่ 24 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ได้พูดคุยกับนางเวียงคำ สอนการ อายุ 63 ปี บ้านของนางเวียงคำอยู่ด้านซ้ายหลังแรกจากจุดที่พบชายคนดังกล่าว ห่างประมาณ 700 เมตร ส่วนฝั่งขวาไม่มีคนอยู่บ้าน
นางเวียงคำ เปิดเผยว่า ตนเองก็ไม่เคยเห็นชายลักษณะดังกล่าวมาก่อน และตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่เคยเห็นเดินตามถนนด้วย ตนอยู่บ้านประจำตนก็ไม่เคยเห็นใครมาก่อน จึงไม่สามารถคาดเดาได้ ส่วนชายในข่าวตนก็ได้ดู แต่ตนก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบกับนายสนธยา ไชยโยธา หรือ ขวาน สามีน.ส.ขวัญใจ เพื่อสอบถามถึงประเด็นชายเร่ร่อนที่คาดว่าสติไม่ดีผ่านเข้ามาใกล้หมู่บ้าน โดยนายสนธยา เปิดเผยว่า ตนเองได้ติดตามข่าวเมื่อคืน ลักษณะที่ตนเห็นในทีวีไม่คุ้น และตนเองได้เห็นหน้าชายคนดังกล่าวแบบไม่ปิดบังใบหน้า ก็ยังไม่คุ้นอยู่ดี เพราะชายคนนี้ไม่เคยผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน และไม่ใช่คนละแวกนี้
นอกจากนี้เวลาที่ตนเองไปไร่ไปนา ตนเองก็ไม่เคยเห็นชายลักษณะนี้เช่นกันมาก่อน ตนจึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นคนร้ายจริงหรือไม่ แต่หากให้ตนประเมินตนคิดว่าอาจจะไม่ได้บ้า เพราะการพูดจายังคุยรู้เรื่อง คาดว่าจะเป็นคนเร่ร่อนไร้บ้านมากกว่า หากถามเรื่องว่าตนสงสัยหรือไม่ ตนก็ไม่รู้เช่นกัน ก็แล้วแต่จะพิจารณากันไป เพราะตนก็ไม่อยากพาดพิงใคร
ทีมข่าวยังได้คุยกับนายนายพิศนุพร ชัยมะโย หรือ นายแอ๋ม เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนได้ดูข่าวแล้ว แต่ตนไม่เคยเห็นชายสติไม่ดีตามที่ตกเป็นข่าว แต่ในตอนที่ตนยังเด็กตนเคยเห็นคนบ้า แต่เป็นคนละคนกัน โดนมักจะถือกระสอบปุ๋ย เสื้อขาด กางเกงขาด ไม่มีบ้านอยู่ ซึ่งคนที่ตนเห็นตอนเด็กกับคนในปัจจุบัน ก็ไม่น่าใช่คนเดียวกัน เพราะความคิดตน ตนคิดว่าชายคนนั้นแค่ผ่านมา และคาดเดาไม่ได้เลยว่ามาจากที่ไหน
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา กล่าวว่า ส่วนตัวตนแล้วไม่เคยเห็นชายคนดังกล่าว แต่ก็อาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องก็ได้ จริง ๆ แล้วน่าจะไม่มีอะไร เพราะตนไม่เคยเห็นเลย เพราะคนบ้าละแวกบ้านกกกอกไม่มี
นอกจากนี้เมื่อสอบถามคนในหมู่บ้านว่า เคยเห็นชายปริศนาหรือไม่ จึงได้คำตอบที่ตรงกันว่า "ไม่เคยพบเห็นชายปริศนาเข้ามาในหมู่บ้าน"
วันที่ 24 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางทดสอบเส้นทางจากจุดที่พบกับคนจร จุดแรก ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ ประมาณ 2 กิโลเมตร จุดนั้นพบว่าคนจรรายนี้เดินลัดเลาะเข้าป่าหายไปทันที
ทีมข่าวลองสำรวจโดยให้นางนลิน เงินนาม หรือ แม่ถอน เป็นผู้นำทาง เนื่องจากแม่ถอน ยืนยันว่าสามารถเดินลัดมาได้ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าถนนหมู่บ้าน เพราะเส้นทางที่เดินเป็นเส้นทางเขา ที่ต้องลัดเลาะป่าหญ้าเพ็ก ป่ายางพาราของชาวบ้าน หรืออีกเส้นทางสามารถเดินขึ้นภูกะโล้น จากนั้นลัดลงมาที่ภูเหล็กไฟ ก่อนเดินเข้าบ้านน้องชมพู่
ทีมข่าวเริ่มออกเดินจากปากทางที่ชายรายนี้วิ่งหลบเข้าไป ด้านในเป็นแนวเชิงเขาของภูกะโล้น เจอแนวกันไฟป่า จากนั้นต้องเดินลอดรั้วลวดหนาม จากนั้นเดินต่อไปตามทางจะเจอร่องน้ำ ต้องเดินผ่านจุดนี้ เส้นทางจะชันขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นแนวเชิงเขา จากนั้นเดินต่อไปจะเจอป่าหญ้าเพ็ก ซึ่งขึ้นสูงราว 1.5 เมตร ไม่เจอร่องรอยการเดินของคน ทีมข่าวเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนไปทะลุป่ายางของชาวบ้าน มีบ้านหลังที่ 1 ซึ่งอยู่ตรงรอยต่อของบ้านกกตูมและกกกอกพอดี
ทีมข่าวเดินต่อไปอีก จนถึงป่ายางหน้าบ้านลุงไชย์พล จากนั้นก็ไปถึงที่สวนยางท้ายบ้านน้องชมพู่ โดยใช้เวลารวม 1 ชั่วโมง นางนลิน หรือ แม่ถอน ระบุว่า ตนเคยมาหาน้องชมพู่ที่จุดนี้ โดยเดินลัดเลาะมา ยืนยันว่าสามารถเดินไปถึงบ้านน้องชมพู่ได้จริง
