หนุ่มตามง้อแฟนสาว 1 เดือนแต่ไม่สำเร็จ บุกใช้น้ำกรดสาดหวังเสียโฉม โดนแจ้ง 2 ข้อหาหนัก

17 มิ.ย. 63

กรณีหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ใน จ.สงขลา สาดน้ำกรดใส่หน้าและตามร่างกายอดีตแฟนสาวพนักงานร้านสะดวกซื้อ ที่หน้าร้านริมถนนเพชรเกษม เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อช่วง 4 ทุ่มครึ่งเมื่อคืนนี้ หลังจากที่พยายามตามง้อขอคืนดีมาตลอด 1 เดือนที่เลิกรากันแต่ไม่สำเร็จ เพราะอดีตแฟนสาวไม่ยอมคืนดีด้วย จึงใช้น้ำกรดสาดใส่เข้าที่ใบหน้า ลำตัว แขนและขา จนเสื้อผ้าขาดและผิวหนังแดงเป็นรอยไหม้ นอกจากนี้ยังพบปืนปลอมซึ่งเป็นปืนพกสั้นตกอยู่บนพื้น

664685

ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายนนทวิช บุญเพียงผล อายุ 18 ปี แฟนหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ถูกพนักงานชายของร้านสะดวกซื้อ ช่วยกันจับกุมตัวเอาไว้ได้ และตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบสวนเพื่อที่จะแจ้งข้อหาดำเนินคดี

916129

จากการสอบสวน นายนนทวิช ให้การว่า ขี่รถจักรยานยนต์มาตามง้อขอคืนดีกับแฟนสาวที่เลิกรากันมาราว 1 เดือน หลังจากที่คบหากันมาได้ประมาณ 1 ปี สาเหตุเพราะตนปากไม่ดี และหลังจากที่พยายามมาตามง้อขอคืนดีที่ร้านมานตลอด 1 เดือนที่เลิกกัน คิดว่าในคืนนี้จะมาคุยกันให้จบว่าแฟนสาวจะยอมคืนดีหรือไม่ และได้สั่งซื้อน้ำกรดมาจากทางอินเตอเน็ตมาเตรียมไว้ด้วย หากไม่ยอมคืนดีก็จะสาดน้ำกรดให้เสียโฉม แต่สุดท้ายแม้ว่าจะพยายามพูดคุยและง้อแฟนสาวอย่างไรก็ไม่ยอมคืนดี จึงใช้น้ำกรดราดที่ใบหน้าและลำตัวของอดีตแฟนสาว แต่โดนเพื่อนชายของผู้ตายที่เห็นเหตุการณ์เข้าจับกุม จึงชักอาวุธปืนปลอมออกมาขู่ แต่ก็รุมถูกกลุ่มเพื่อนชายจับกุมตัวเอาไว้ได้

485855

ล่าสุด 17 มิ.ย.63 นายนนทวิช อายุ 18 ปี นักศึกษาหนุ่มที่ก่อเหตุยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องขัง สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และมีสิ่งเทียมอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (ปืนปลอม) และทางพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกตัวมาสองปากคำและแจ้งข้อหาให้รับทราบอีกครั้ง รวมทั้งเชิญตัวพยานมาสอบสวน เนื่องจากหลังเกิดเหตุยังไม่ได้สอบปากคำใคร และต้องรอผลตรวจจากแพทย์ถึงอาการบาดเจ็บของอดีตแฟนสาวว่าสาหัสหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ นายนนทวิช ได้บอกถึงความรู้สึกสั้น ๆ ว่าฝากขอโทษแฟนสาวกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

226466

ส่วนอาการของ น.ส.รัตติยากรณ์ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ อาการยังน่าเป็นห่วงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แพทย์ได้นำตัวของรักษาในห้องปลอดเชื้อห้ามเยี่ยมอย่างเด็ดขาด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส