กระบะขวางรถกู้ภัยโผล่รับผิด อ้างมองไม่เห็นตาไม่ดี คุยมือถือไม่ได้ยินหวอ (คลิป)

9 มิ.ย. 63

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดกู้ชีพ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร โพสต์คลิปขณะนำผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 54 ปี ซึ่งวิกฤตเส้นเลือดในสมองตีบ ต้องนำตัวส่ง รพ.ชุมพรอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ถึงมือแพทย์ ภายใน 3 ชม. แต่ระหว่างทางได้มีรถยนต์กระบะสีบรอนซ์ตอนครึ่ง ขับขวางรถกู้ชีพในลักษณะไม่ยอมให้ผ่านไป และพยายามขับปาดไปมา แม้ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ประกาศแจ้งผ่านไมค์ บีบแตร แต่รถคันดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหลบให้

791752

ล่าสุดวันที่ 9 มิ.ย.63 พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร ตรวจสอบเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว จนทราบชื่อ นายทนง มณีบุญยัง อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของรถ จึงได้ติดตามตัวมาสอบสวน

958333

นายปิยะพงษ์ อรุณศรี อายุ 32 ปี หัวหน้ากู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งคา ซึ่งเป็นคนขับรถกู้ชีพ เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 6 มิ.ย. 63 ตนเองได้รับแจ้งจากศูนย์นเรนทร 1669 ให้ไปรับผู้ป่วยวิกฤตจากโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 54 ปี เมื่อไปถึงผู้ป่วยมีอาการชักเกร็ง ปากเบี้ยว มือเท้าชาแล้ว จึงได้เร่งนำตัวเข้ารถกู้ชีพ และเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉิน เพื่อรีบนำส่งตัวให้ถึงแพทย์ให้เร็วที่สุด

511369

จนกระทั่งตนเองได้ขับรถมาถึงถนนสายสี่แยกปฐมพร-เข้าเมืองชุมพร ซึ่งเพียง 8 กม. ก็ถึงรพ.ชุมพร แล้ว มีรถยนต์กระบะขับอยู่ด้านหน้า แต่ไม่สนใจเสียงสัญญาณและไฟไซเรน ตนจึงได้พูดผ่านไมโครโฟนขอให้หลบ แต่รถยนต์กระบะก็ยังขวาง ไม่ยอมให้แซง ตนจึงต้องยอมขับรถทับเกาะสี เพื่อแซงให้ได้

333195

ด้านนายทนง มณีบุญยัง คนขับรถยนต์กระบะ เปิดเผยว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน ใช้เส้นทางจากสี่แยกปฐมพร-เมืองชุมพร แต่ระหว่างที่ขับรถใช้ความเร็วพอสมควร ไม่ได้สนใจอะไร เพราะมัวคุยโทรศัพท์มือถือกับเพื่อน โดยไม่เห็นรถกู้ชีพวิ่งไล่มาด้านหลัง และไม่ได้จงใจจะขับขวาง อีกทั้งสายตาตนเองก็ไม่ค่อยดี จนกระทั่งมารู้ทีหลังว่ามีรถกู้ชีพเปิดไซเรนอยู่ด้านหลัง จึงได้ขับรถเข้าชิดเลนซ้าย โดยไม่รู้ว่าขับขวางอยู่นานแค่ไหน

668129

"ตนเองจึงอยากจะขอโทษทั้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ผู้ป่วย และญาติผู้ป่วย โดยเฉพาะสังคม ตนเองไม่มีเจตนาที่จะขับขวางจริง ๆ" นายทนง กล่าว

โดยเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.จราจร เป็นจำนวน 500 บาท

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส