จากกรณี น.ส.ณัฐนันท์ สิริสุขธนานนท์ หรือ แอ๊ด อายุ 45 ปี เดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกรางวัลลอตเตอรี่รางวัล 12 ล้านบาท แต่สามีหนุ่มกลับหอบเงินหนีหายไปนั้น
วันที่ 30 พ.ค. 63 นางสาวณัฐนันท์ สิริสุขธนานนท์ เล่าว่า เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนกับนายแป๊ะ สามีได้ไปทำบุญที่วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี โดยนายแป๊ะบอกตนว่าให้ซื้อเลข 27 ตนจึงหยิบลอตเตอรี่เลขท้าย 27 จำนวน 5 ใบ แบ่งเป็นเลขชุด 2 ชุด และแบบใบเดี่ยวอีก 1 ใบ จ่ายเงินไป 500 บาท เมื่อตนจ่ายเงินเสร็จ นายแป๊ะเป็นคนหยิบลอตเตอรี่ไปเก็บเอาไว้ที่ตัวเอง
วันที่ 1 กุมภาพันธ์นั่งตรวจลอตเตอรี่ด้วยกัน แต่นานแป๊ะไม่ได้หยิบลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งตนซื้อรางวัลไว้เป็นหลักหมื่น จึงไม่ได้เอะใจในรางวัลดังกล่าว เมื่อลอตเตอรี่ออกรางวัลที่ 1 เลข 589227 ตนก็ถามสามีว่าถูกรางวัลหรือไม่ ซึ่งสามีบอกว่าไม่ถูก ตนก็ไม่ได้ถามต่อ แต่มาทราบภายหลังว่าลอตเตอรี่ถูกรางวัลจำนวน 12 ล้านบาท ซึ่งนายแป๊ะแอบไปรับแคชเชียร์เช็คที่กองสลากในวันที่ 3 ก.พ. 63
จากนั้น วันที่ 7 ก.พ. 63 นายแป๊ะบอกตนว่าไม่ต้องทุกข์แล้ว จะใช้หนี้สินให้ทั้งหมด ซึ่งตนก็งงว่านายแป๊ะไปเอาเงินมาจากไหน จนเจ้าตัวเอาภาพถ่ายลอตเตอรี่มาให้ดู บอกว่าถูกหวย 12 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 12 ก.พ. 63 สามีพาตนไปขึ้นเงินแคชเชียร์เช็คจำนวน 11.4 ล้านบาท หลังหักภาษี ซึ่งเจ้าตัวนำเงินมาฝากแยก 2 บัญชี บัญชีแรก 7 ล้าน อีกบัญชี 4 ล้าน เป็นชื่อฝ่ายชายทั้ง 2 บัญชี
ก่อนที่จะถอนเงินสดมา 400,000 บาท นำไปจ่ายค่าไฟแนนซ์เพื่อนำรถกระบะของตนออกมา 360,000 บาท ทำประกันรถยนต์ 15,000 บาท ติดแอร์บ้าน 13,000 บาท และให้เงินสดตน 3,000 บาท หลังจากนั้น สามีให้เงินตนครั้งละ 100,000 บาท จำนวน 3 ครั้งโดยตนไม่ได้เรียกร้องอะไร คิดว่าอยู่ด้วยกันสามีก็ต้องช่วยจ่ายหนี้อื่น ๆ และซื้อบ้านให้ตนอยู่โดยไม่ได้เรียกร้อง
จากนั้น ตนกับสามีมีปากเสียงทะเลาะกัน เรื่องรถที่สามีไปเอามาจากไฟแนนซ์ ซึ่งเจ้าตัวอยากให้โอนชื่อเป็นของตัวเอง แต่ตนยังไม่ได้โอนให้ จนอีกฝ่ายกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงต้นเดือนมีนาคม และกลับมาอีกครั้งเมื่อช่วงปลายเดือน โดยก็อยู่กินกันตามปกติ กระทั่งวันที่ 6 พ.ค. 63 สามีก็หายไป ไม่สามารถติดต่อได้
ตอนแรกตนไม่คิดจะฟ้องร้องสามีหรือต้องการแบ่งเงิน เพราะคิดว่าอยู่ด้วยกัน ใช้เงินด้วยกัน แต่เมื่อสามีหายไปก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเก็บเงินไว้คนเดียว ทั้งที่ลอตเตอรี่ตนเป็นคนจ่ายเงินซื้อให้ ซึ่งก็ควรแบ่งเงินให้ตนด้วยอย่างน้อย 2-3 ล้านบาทก็ยังดี หลังจากนี้จะเดินหน้าฟ้องร้องตามกระบวนการทางกฎหมาย
ทีมข่าวจึงเดินทางไปที่วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี พระครูวิทิตพัฒนโสภณ เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางวัดได้มีการค้นพบพระยอดขุนพล จำนวนกว่า 700,000 องค์ ในห้องที่ถูกปิดตายมานานเกือบ 30 ปี ใต้แท่นตั้งโลงแก้ว ซึ่งได้บรรจุสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่ขันธ์ อดีตท่านเจ้าอาวาส โดยในช่วงนั้นก็มีผู้คนเดินทางเข้ามากราบไหว้และเช่าบูชาพระยอดขุนพลที่วัดวันละหลายร้อยคน ทำให้มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเร่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเดินทางมาหารายได้กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งตามปกติทางวัดจะไม่มีนโยบายให้ให้ตั้งแผงจำหน่ายถาวร
ในส่วนของ น.ส.ณัฐนันท์ สิริสุขธนานนท์ ที่อ้างว่าได้มาซื้อสลากที่วัด ก็อาจจะเป็นไปได้ เนื่องจากอาตมารู้สึกคุ้นหน้าว่าเคยมาทำบุญถวายสังฆทาน แต่มากับใครไม่อาจทราบได้ เพราะในช่วงนั้นมีญาติโยมเข้ามาที่วัดเยอะมาก โดยปกติแล้วทางวัดจะมีกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าอาคารหลวงปู่ขันธ์ ซึ่งจะบันทึกภาพได้เพียง 7 วัน แต่เหตุการณ์นี้ผ่านระยะเวลาไปนานแล้ว
นายวรายุ สุขสวัสดิ์ หรือ แป๊ะ ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า เรื่องราวไม่ได้เป็นจริงตามที่อีกฝ่ายอ้าง ลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลตนเป็นคนซื้อด้วยเงินของตัวเอง และเป็นเลขที่ตนได้มา โดยก่อนหน้านี้มีคนบอกให้ตนซื้อเลข 859 แต่ตนหาเลขท้ายไม่ได้ จึงซื้อเป็นเลขหน้ามา คือ 859227 โดยซื้อที่วัดใน จ.ราชบุรี แต่เป็นคนละชุดกับเลข 5 ใบที่ฝ่ายหญิงจ่ายเงิน
หลังถูกรางวัลตนก็แบ่งเงินให้ฝ่ายหญิงไปแล้วรวมกว่า 700,000 บาท ทั้งจ่ายค่าไฟแนนซ์รถรวมเกือบ 400,000 บาท และจ่ายเงินสดครั้งละ 100,000 บาทอีก 3 ครั้ง ภรรยาของตนเป็นคนที่ใช้เงินเกินตัว ให้ไปเท่าไรก็ใช้หมด ทั้งที่ตัวเองรวยกว่าตนเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ตนเคยบอกเลขให้ภรรยาซื้อหวยใต้ดิน จนเจ้าตัวถูกหวยหลายงวดติดต่อกันรวมกว่า 4 ล้านบาท แต่ภรรยาไม่เคยแบ่งเงินให้ตนเลยแม้แต่บาทเดียว ตนก็รู้สึกน้อยใจ
ตนตั้งใจว่าถ้าถูกหวยจะกลับมาสร้างบ้านให้พ่อแม่ และเลี้ยงดูลูก 2 คนจากภรรยาเก่า จึงเดินทางกลับมาบ้าน ส่วนเรื่องหนี้สินก็เป็นหนี้ของอีกฝ่าย ไม่ได้เกี่ยวกับตน โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ณัฐนันท์ ก็เคยพาตนไปหาหลวงปู่ตาไฟ ซึ่งเป็นร่างทรงที่เคารพเพื่อสอบถามเรื่องลอตเตอรี่ ท่านก็ชี้มาว่าลอตเตอรี่เป็นของตน
ทั้งนี้ ตนไม่ได้เกาะฝ่ายหญิงกิน เพราะตนทำงานเหมือนเป็นขี้ข้าของอีกฝ่าย และเคยทะเลาะกันหลายครั้ง เพราะฝ่ายหญิงไล่ตน พร้อมบอกว่าหมดบุญกันแล้ว ตนจึงกลับบ้านตั้งแต่ปีใหม่ แต่เมื่อขาดคนทำงานให้ก็โทรศัพท์ตามให้ตนกลับไปหา ซึ่งตนไม่กลัวหลังถูกฟ้อง เพราะมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ และหลังสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ ตนก็จะบวชตลอดชีวิตหลังจากที่ได้เคยตั้งใจไว้ว่าหากถูกหวยรางวัลที่ 1 จะบวชให้
