กรณีเมื่อช่วงเช้า วันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุสลดขึ้น บริเวณถนนสายหินกอง-ห้วยทราย ต.ห้วยทราย อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อนายจิรพงษ์ จอมวงศ์ อายุ 62 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กษง สระบุรี 712 ผ่านมาตามถนนสายดังกล่าว มุ่งหน้าไปทางบ้านห้วยทราย เมื่อมาถึงบริเวณทางแยกไปบ้านบุ หมู่ 7 ต.ห้วยทราย อ.หนองแค เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายเคเบิลสื่อสารพาดข้ามฝั่งถนนห้อยหย่อนลงมาใกล้กับพื้น ทำให้สายเคเบิลพันเข้ากับตัวรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้รถเสียหลัก ร่างของนายจิรพงษ์ จึงล้มคว่ำหงายหลัง ศีรษะด้านซ้ายฟาดกับพื้น ได้บาดเจ็บสาหัส นอนหมดสติคาจุดเกิดเหตุ ส่วนสภาพรถนั้น เบาะนั่งหลุดออกมา และแผ่นป้ายทะเบียนงอ แต่น่าเศร้าที่นายจิรพงษ์เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เบื้องต้น ตำรวจ สภ.หนองแค ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยทางบริษัทเจ้าของสายเคเบิลได้เข้าเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งครอบครัวไม่ติดใจการเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสรุปสำนวนคดีเป็นอุบัติเหตุ เสียชีวิตด้วยอาการเลือดคลั่งในสมอง
วันที่ 16 พ.ค.63 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุทางบริษัทเจ้าของสายเคเบิล ได้ส่งพนักงานมาสำรวจสายเคเบิล เพื่อเตรียมการติดตั้งใหม่ให้สายเคเบิลอยู่สูงกว่าเดิม
นางปุญดา พิณแก้ว อายุ 37 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต บอกว่า ปกติแล้วคุณพ่อจะต้องออกไปกินข้าวเช้าที่ตลาดบริเวณแถวที่เกิดเหตุ โดยในวันนั้นมีคนโทรศัพท์มาแจ้งตนว่าคุณพ่อรถล้ม ศีรษะแถบซ้ายฟาดพื้น ฝ่ามือซ้ายฉีก อาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสระบุรี ตนจึงรีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลในทันที เมื่อถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์บอกกับตนว่าคุณพ่อบาดเจ็บสาหัสอาการหนักมาก ถึงแม้ภายนอกจะดูคล้ายคนหัวแตก แต่ขอให้ทำใจเนื่องจากเลือดออกในสมองปริมาณมาก ทำให้สมองบวม และกระดูกกะโหลกร้าว โอกาสรอดน้อยมากเพราะการผ่าตัดไม่สามารถช่วยอะไรได้ และมีความเสี่ยงเนื่องจากคุณพ่ออายุมากแล้ว ทางครอบครัวจึงตัดสินใจให้คุณพ่อจากไปอย่างสงบ
โดยจากที่ตนเข้าไปดูใจคุณที่โรงพยาบาล ตนสังเกตเห็นรอยสายเคเบิลที่บริเวณกลางสันจมูกของคุณพ่อ ตนกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงคาดการณ์ว่าขณะที่คุณพ่อที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ คงจะมองไม่เห็นสายเคเบิลเส้นเล็ก ขนาด 1 เซนติเมตร ที่ขวางทางอยู่ จึงถูกสายเคเบิลรั้งหน้าไว้ ทำให้สายเคเบลที่ห้อยพะรุงพะรังล่วงหล่นลงมาเกี่ยวที่ท้ายรถจักรยานยนต์ของคุณพ่อ ทำให้รถเสียหลักล้มลง จนเบาะนั่งหลุดออกมา
รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับคุณพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อคืนก่อนวันเกิดเหตุ ไม่มีรางบอกเหตุอะไรมาก่อน เสียใจที่สุดคือการไม่ได้ร่ำลากัน พ่อของตนไม่ใช่คนขับรถเร็ว และใส่หมวกกันน็อคทุกครั้งไม่คิดว่าเหตุการณ์แค่รถล้มจะทำให้คุณพ่อเสียชีวิต
เบื้องต้นหน่วยงานเจ้าของสายเคเบิลดังกล่าวได้เข้ามาแสดงตัว ขอรับผิดชอบต่อเหตุสบดในครั้งนี้แล้ว โดยมีการช่วยเหลือค่าทำศพและค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ ส่วนเรื่องอื่น ๆ จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นพิธีศพ ขอฝากเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่ชาวบ้านและบริษัทหรือหน่วยงานเกี่ยวกับสายไฟและสายเคเบิล ให้หมั่นตรวจสอบการติดตั้งให้อยู่สูงได้มาตรฐาน ส่วนชาวบ้านที่ใช้ถนนก็ต้องระมัดระวังดูแลตัวเอง
ด้าน ชาวบ้านใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ บอกว่า เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. ได้ยินเสียงรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งผ่านและเกี่ยวลากสายเคเบิลจนมีเสียงคล้ายไฟช็อต จากนั้นไม่ก็เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเพราะถูกสายเกี่ยวจนเสียหลัก
