จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Naruebess Santideja" ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ที่ทำเอาเสียความรู้สึก หลังจากนำตู้ปันสุขมาตั้งเอาไว้หน้าบ้านและคอยเติมของ จากที่ไม่ได้คิดมากใครจะหยิบก็ได้จะเอาเท่าไหร่ก็เอาเพราะตั้งใจจะให้แล้ว แต่กลายเป็นว่าโดนตะโกนด่า และถูกคุกคามเพราะของหมด
ล่าสุด วันที่ 12 พ.ค.63 ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับเจ้าของบ้าน คือ นางฉัตรฤดี สุขะจาติ โคพิทซ์ อายุ 45 ปี เป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินเเห่งหนึ่ง บอกว่า ตนเองกับลูกชาย อายุ 11 ปี ได้ช่วยกันตั้งตู้ปันสุขไว้หน้าบ้าน ตั้งเเต่วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่ออยากช่วยเหลือคนที่ลำบาก โดยได้นำเงินส่วนตัวไปซื้ออาหารเเห้ง ทั้งข้าวสาร มาม่า ปลากระป๋อง มาใส่ไว้ในตู้
ซึ่งหลังจากนั้นก็เปิดกล้องวงจรปิดดู เนื่องจากอยากทราบว่ามีใครมาเอาอะไรบ้าง ก็พบว่าคนส่วนใหญ่มีการหยิบอย่างเรียบร้อย หยิบแต่พอดี บางคนก็มีการเขียนข้อความขอบคุณ และนำของมาเติมให้ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นกำลังใจอย่างดี แต่บางคนก็วนมากวาดของในตู้หลายรอบจนหมด เเละยังมีการพาเพื่อนขี่ซาเล้งมากวาดของไปจนเกลี้ยง
จนกระทั่งช่วงบ่ายของเมื่อวานที่ผ่านมา (11 พ.ค.) เกิดฝนตกหนักแต่ตนเองไม่ได้อยู่บ้าน จึงให้เเม่บ้านเก็บตู้เข้าบ้านก่อนเหลือไว้เพียงป้ายเท่านั้น ต่อมาเวลา 14.00 น. เเม่บ้านโทรเเจ้งว่ามีคนขี่รถซาเล้งมากัน 7-8 คน ยืนกดกริ่งหน้าบ้าน ยืนเกาะรั้ว พร้อมทั้งตะโกนถามเชิงว่า เมื่อไหร่จะเติมของแต่กริยาเเละน้ำเสียงไม่สุภาพ เช่น "ไม่มีของเเล้วจะติดป้ายไว้ทำไมโว๊ย" บางคนก็อ้างเหตุผลว่าเดินทางมาไกลหวังจะได้อะไรติดมือไปบ้าง
ซึ่งหากมองอีกมุม ตนเองรู้สึกสงสารคนที่มาไกลใจจริงก็อยากให้เเต่วิธีการที่ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่ที่ถูกต้อง "เราทำด้วยใจ แต่อยากถามว่าการที่ของในตู้หมดเป็นความผิดเราใช่หรือไม่"
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม เมื่อคืนก็นอนไม่หลับเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธแล้วกลับมาหาที่บ้านอีก ซึ่งขอให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่เลือกจะวางตู้ปันสุข แนะนำควรวางในพื้นที่ที่ปลอดภัยและเราสามารถควบคุมได้ ดังนั้นจึงขอยุติการตั้งตู้ปันสุขหน้าบ้านเพราะหวาดกลัว
