จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "Boy London Thailand" เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด หลังโดน นายวีระพัน อินทะวง หรือมาเฟียสยาม ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายคดี ล่าสุดพ้นโทษออกมาขโมยเสื้อแจ็คเก็ต ราคา 13,500 บาท และโทรศัพท์ของหญิงสาวคนสนิทที่พามาด้วย ในร้าน Boy London สยามสแควร์วัน (อ่าน:
“มาเฟียสยาม” คัมแบ็ค! ไม่เข็ดคุก ฉกเสื้อหรู-มือถือสาว ร้านดังแฉพฤติกรรมแสบ วอนตำรวจล่า)
วันนี้ (21 ต.ค. 60)
คุณซี (สงวนชื่อ-นามสกุล) ผู้เสียหายอีกรายที่เคยถูกนายวีระพัน หรือมาเฟียสยามหลอกให้ออกมาทานอาหาร เพื่อจะขโมยโทรศัพท์แต่ไม่สามารถเอาไปได้ เปิดเผยว่า เมื่อหลายปีก่อน ตนได้รู้จักกับนายวีระพันขณะโดยสารรถไฟฟ้า จากสถานี BTS สยาม เพื่อกลับบ้าน ขณะอยู่บนรถได้สังเกตว่านายวีระพันมองตนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งรถไฟฟ้าจอดที่สถานีอ่อนนุช เขาก็ไปดักรอตรงทางออก แล้วก็เข้ามาคุยกับตนเป็นภาษาเกาหลี แต่ตนฟังไม่รู้เรื่อง เขาจึงเปลี่ยนไปพูดภาษาอังกฤษ ด้วยสำเนียงดีมาก ตอนนั้นเชื่อสนิทใจว่าเขาเป็นคนต่างชาติ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก และได้สอบถามทางกลับโรงแรม ตนก็แนะนำไป ซึ่งก่อนจะแยกจากกันเขาได้ขอเบอร์โทรไว้ ตนก็ให้ไปเพราะเห็นว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยว เผื่อจะขอความช่วยเหลืออะไรอีก
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มีโทรศัพท์เบอร์ 02 โทรเข้ามา เป็นเสียงผู้ชายบอกว่าเป็นพนักงานของโรงแรม โทรมาบอกว่า ลูกค้าของทางโรงแรมประทับใจที่คุณให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าอยากขอนัดพบเพื่อเลี้ยงข้าวตอบแทน ตอนแรกตนก็ปฏิเสธ เพราะกลัว เนื่องจากไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่พนักงานโรงแรมเกลี้ยกล่อมจนตนรำคาญจึงตอบตกลงไป
คุณซีเล่าต่อว่า ในวันที่นัดไปรับประทานอาหาร ตนรู่สึกว่าเขาพยายามเลือกร้านที่มีคนน้อยที่สุด กระทั่งไปเจอร้านอาหารร้านนึง ซึ่งแทบจะไม่มีคนเลย เขาก็เลือกโต๊ะที่อยู่ในมุมอับ ที่มองเข้ามาจากนอกร้านแล้วไม่เห็น โดยช่วงแรกเขาพูดภาษาอังกฤษ แต่พอคุยกันไปสักพัก เขาก็เริ่มพูดภาษาไทยขึ้นมา อ้างว่าเป็นตำรวจติดตามดูพฤติกรรมตนมานานแล้ว เพราะคิดว่าตนเป็นเด็กส่งยา จากนั้นเขาสุ่มถามว่ารู้จักคนชื่อต่าง ๆ ซึ่งบังเอิญตรงกับชื่อเพื่อนของตนพอดีก็เลยหลงเชื่อ นอกจากนี้เขายังอ้างว่าพนักงานของร้านเป็นสายสืบปลอมตัวอยู่ในร้านนี้ นอกร้านก็มี เจ้าหน้าที่ล้อมไว้หมดแล้ว และบังคับให้ตนรับสารภาพ แต่ตนก็ปฏิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้ทำ
จากนั้นนายวีระพันได้ขอดูโทรศัพท์ อ้างว่าจะตรวจสอบเบอร์โทรเข้าโทรออกว่าได้คุยกับผู้ต้องสงสัยค้ายาหรือไม่ โดยให้กดรหัสปลดล็อคเครื่อง ตอนแรกตนไม่ยอมจึงแค่สแกนนิ้วให้ดู แต่เขาก็พยายามพูดข่มขู่ให้กดรหัสให้ดูซึ่งตนเริ่มรำคาญสุดท้ายก็ยอมกดรหัส จากตอนแรกที่รู้สึกกลัวก็เริ่มรู้สึกโมโหแทน ถึงขั้นคิดว่าจะมาไม้ไหนก็มาพร้อมสู้
หลังจากนั้นนายวีระพันก็ขอโทรศัพท์ไปดู แต่ตนไม่ยอมเพราะหวงโทรศัพท์มาก ถ้าไม่ใช่คนสนิทจะไม่ให้มายุ่ง และที่สำคัญโทรศัพท์เพิ่งซื้อมาใหม่รุ่นล่าสุด ซุ่งราคาขณะนั้นเกือบ 3 หมื่นบาท ตนจึงยืนยันที่ไม่ให้ จนสุดท้ายเหมือนนายวีระพันรำคาญ แล้วก็เดินหนีออกจากร้านไป ทำให้ต้องเป็นคนจ่ายค่าอาหารเอง 1,200 บาท อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นตนก็ไม่ได้ไปแจ้งความไว้ เนื่องจากเสียไปแค่เงิน
ต่อมา คุณซีเล่าว่า ตนได้เห็นข่าวว่านายวีระพันถูกจับเมื่อปี 2558 จึงจำได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ถึงขนาดยอมนั่งรถแท็กซี่ไปที่ สน.ปทุมวัน เพื่อจะช่วยเป็นพยานชี้ตัว แต่วันนั้นตนไปไม่ทัน กระทั่งล่าสุดมาเห็นข่าวว่านายวีระพัน ออกมาจากคุกแล้วยังมาก่อเหตุอีก ยอมรับว่ารู้สึกโมโห เพราะไม่คิดว่าเขาจะกลับมาก่อเหตุอีก
ด้าน พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รองผู้กำกับสอบสวน สน.ปทุมวัน ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับมาเฟียสยามภายในวันสองวันนี้ หลังจากได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่ามาเฟียสยามใช้หลบหนี นอกจากนี้พบว่ามาเฟียสยามมีสัญชาติลาว เคยถูกจับไปเมื่อปี 2558 หลังพ้นโทษก็ถูกส่งตัวกลับประเทศ ไม่สามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก จึงคาดว่ามาเฟียสยามน่าจะหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Boy London Thailand