เผาศพ “เตี๋ย” ลบรอยเลือดรูปดาวสวดถอนวิญญาณ เพื่อนบ้านสื่อจิตเห็นยังวนเวียน (คลิป)

จากกรณีนายระพีพัฒน์ ปัญญาดี อายุ 18 ปี หรือ น้องเตี๋ย ได้ก่อเหตุผูกคอตายที่บ้านในพื้นที่ต.นาซำ อ.หล่มเก่าจ.เพชรบูรณ์ หลังใช้เลือดเขียนสัญลักษณ์ซาตานไว้ที่พื้นห้อง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 7 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านได้ร่วมกันเคลื่อนศพน้องเตี๋ย ไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัด โดยมีญาติ คุณครูและเพื่อน ๆ ไปร่วมงานเพื่อส่งดวงวิญญาณของน้องเตี๋ย เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากเคลื่อนศพถึงเมรุ ได้เวียรอบเมรุ 3 รอบ จากนั้นทำพิธีฝังหลอกตามความเชื่อของชาวบ้าน หากศพที่ตายผิดปกติจะต้องนำไปฝังไว้เป็นเวลา 3 ปี จึงจะสามารถประกอบพิธีเผาได้ จากนั้นได้นำศพขึ้นสู่เมรุเพื่อประกอบพิธี โดยได้รับเกียรติจากนายประทาน หาดยาว รองผู้อำนวยการเขตสำนักงานพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 40 เป็นประธาน

ทั้งนี้หลังจากประกอบพิธีฌาปนกิจศพเสร็จ ญาติได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป มาประกอบพิธีสวดถอนวิญญาณออกจากห้อง โดยนำกระทงสี่เหลี่ยมที่ทำจากหยวกกล้วย กว้างยาวประมาณ 2 คืบ ใส่อาหารคาว อาหารแดง แกงส้ม แกงเหลือง ดอกไม้ธูปเทียน พร้อมกับผูกสายสิญจน์ไว้ 4 มุม ไปวางทับสัญลักษณ์ซาตาน

พระสงฆ์จับสายสิญจน์ทั้ง 4 มุม แล้วสวดถอดดวงวิญญาณ เสร็จแล้วก็ลากกระทงซึ่งเชื่อว่าดวงวิญญาณอยู่ในนั้นออกไปทิ้งนอกชายคาบ้าน เสร็จแล้วพ่อแม่และญาติ ๆ ได้ช่วยกันล้างทำความสะอาดสัญลักษณ์ซาตาน

ทั้งนี้นายนธิรัตน์ ปัญญาดี และน.ส.นิตย์ ครองชัย พ่อและแม่ของน้องเตี๋ย กล่าวว่า หลังจากประกอบพิธีฌาปนกิจศพและสวดถอนวิญญาณ รวมทั้งได้ทำความสะอาดภายในห้องแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นโดยเฉพาะแม่ที่ตั้งแต่เกิดเหตุไม่ยอมเข้ามาภายในห้องนี้เลย เนื่องจากทำใจไม่ได้ ตอนนี้อยากจะบอกน้องเตี๋ยว่า ขอให้ดวงวิญญาณจงไปสู่สุขติ หากชาติหน้ามีจริงขอให้ลูกไปเกิดอยู่ในครอบครัวที่มีความพร้อม จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนในชาตินี้

ด้านนายแซม (นามสมมุติ) เพื่อนของเตี๋ย เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับเพื่อนเป้นครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน โดยเตี๋ยได้โทรศัพท์มาถามว่าตนเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่ ซึ่งตามปกติเตี๋ยจะไม่ถามตนในลักษณะนี้เลย แต่จะโทรศัพท์มาคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป แต่ก็ไม่มีเรื่องราวของซาตานเลย และตนก็ไม่รู้มาก่อนมาเตี๋ยคลุกคลีอยู่กับเรื่องนี้ รู้ข่าวตอนแรกก็ตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาเวลาเจอหน้ากันก็ปกติทุกอย่างไม่มีซึมเศร้า ไม่มีอารมณ์รุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้น และในวันนี้มาส่งเพื่อนก็อยากจะบอกว่า “กูรักมึงนะเพื่อน”

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พยายาม เดินทางตามหาคนทรงเจ้า แต่จากการสอบถามในหมู่บ้าน ไม่มีคนทรงเจ้า ทีมข่าวได้พบกับนายวุฒิ (นามสมมติ) บ้านของนายวุฒิอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามบ้านของผู้ตาย ซึ่งนายวุฒิ อ้างว่าสามารถสัมผัสกับวิญญาณได้

นายวุฒิ เปิดเผยว่า ตนสามารถสัมผัสกับวิญญาณได้ ตั้งแต่ตนย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้หลายปีก่อน รู้สึกได้ว่าหมู่บ้านนี้ต้องคำสาปโบราณจากพวกกษัตริย์พม่าในอดีตสมัยที่ยังมีการรบกัน การต้องคำสาปจะทำให้ผู้คนไม่สงบ แห้งแล้ง เป็นหมู่บ้านอาถรรพ์ จากที่ตนอาศัยที่นี่ตอนกลางคืนตนจะได้พบกับเรื่องแปลก ๆ บ่อย ๆ แต่ตนเป็นคนไม่กลัว จึงไม่ได้คิดอะไร

เรื่องน้องเตี๋ยผูกคอตาย จะเกี่ยวกับการที่หมู่บ้านต้องคำสาปหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่ใช่ อาจจะเป็นเพราะความเชื่อลัทธิของเด็กเอง สื่อออนไลน์ หรือมีลัทธิแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งตนไม่ได้ไปคลุกคลีกับน้องมากนัก จึงไม่รู้ว่าน้องคิดอย่างไร อาจจะเกี่ยวกับจิตใจของเด็กก็ได้

การสัมผัสได้นั้นต้องเป็นตอนกลางคืน แต่ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมาหลังจากมีเหตุน้องผูกคอตาย ตนอยู่ในบ้านจะได้ยินเสียงหมาหอน หมาเห่า มีเสียงนกร้อง ตอนกลางคืนด้วย ทั้งที่ปกตินกจะไม่มาร้องอยู่แถวบ้านตนเลย ตนเชื่อว่าน้องเตี๋ยคงมาเดินแถวนี้ เพราะตนเคยเห็นน้องเตี๋ยมาเดินซื้อของอยู่ในละแวกนี้บ่อย ๆ ซึ่งอาจมองได้ว่าหากผูกคอตายในชาติที่แล้ว ในชาติถัด ๆ มาก็อาจจะชดใช้กรรมในวิธีเดิม ๆ ก็เป็นไปได้

ตนเชื่อว่าวิญญาณน้องเตี๋ย จะยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน เพราะว่าคนผูกคอตายย่อมกลายเป็นบาป เนื่องจากชีวิตอาจจะยังไม่ถึงจุดจบ แต่กลับฆ่าตัวตายก่อนที่ชะตาตัวเองจะมาถึง ตัวอย่างหากเปรียบเทียบอายุไขประมาณ 50 ปี แต่มาเสียชีวิตอายุ 17 ปี ก็ต้องวนเวียนใช้กรรมอยู่ตรงนี้อีกประมาณ 33 ปี