จากกรณี วันที่ 1 พ.ค. 63 ที่บริเวณชายป่าปากทางขึ้นเขาดงพญาเย็น เขตอุทยานแห่งชาติป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ทหาร กู้ภัยสว่างจรรยาธรรมจุดโนนดินแดงกว่า 100 นาย ร่วมกันค้นหาพระสงฆ์ของสำนักสงฆ์เทพประธานพร อ.โนนดินแดง ที่หายเข้าไปในป่าดงใหญ่จำนวน 3 รูป ได้แก่ พระวิรัตน์ มหาวิโรอายุ 60 ปี, พระสุชาติ อายุ 32 ปี และพระอ้วน อายุ 56 ปี โดยเข้าไป ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 63
จากนั้น ช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันที่ 1 พ.ค. 63 พบพระวิรัตน์ กับพระสุชาติ ออกมาจากป่าได้แล้ว แต่พระอ้วนยังไม่สามารถออกมาได้เนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรง และมีโรคประจำตัวเป็นเก๊าท์
ล่าสุดวันที่ 2 พ.ค. 63 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ปากป่าทางขึ้นเขาดงพญาเย็น เขตอุทยานแห่งชาติป่าดงใหญ่ ใกล้พื้นที่หมู่บ้านลำนางรอง ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ โดยรอบเป็นป่าตลอดเส้นทาง
โดยเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งยืนรอสแตนบายเข้าไปช่วยเหลือพระอ้วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านในป่าประมาณ 14 นาย รับแจ้งว่าพบแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.
จากนั้น ทีมข่าวและเจ้าหน้าที่ได้เดินเข้าไปสบทบเจ้าหน้าที่อีกชุดที่เจอพระอ้วน นำพระออกมาจากป่าได้ในเวลา 17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง รวมระยะทางเดินเข้าไปประมาณ 3 กม. เจ้าหน้าที่ที่ไปสบทบได้เร่งนำถังออกซิเจนและต่อสายให้พระอ้วนหายใจทันที เพราะพระอ้วนมีอาการอ่อนเพลีย เบื้องต้นยังไม่สามรถพูดคุยได้ อยู่ในสภาพอาการอิดโรย
พระวิรัตน์ มหาวิโรอายุ 60 ปี หลังจากเดินทางเข้าป่ากับเจ้าหน้าที่เพื่อค้นหาพระอ้วน เปิดใจว่า ตนเอง พระสุชาติ และพระอ้วน เดินทางมาจากสำนักสงฆ์เทพประทานพร เดินธุดงค์มาเรื่อย ๆ มาประมาณ 10 กม. โดยในวันที่ 29 เม.ย. 63 เวลา 09.00 น.ได้เดินทางมาถึงป่าอุทธยานแห่งชาติดงใหญ่ ต.โนนดินแดง และได้เข้าไปธุดงค์ในป่ากัน 3 รูป โดยเตรียมอาหารประเภทข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กาน้ำร้อน มาเพื่อธุดงค์อยู่ในป่า 7 วัน
ผ่านมา 1 คืน วันที่ 30 เม.ย. 63 พระอ้วนเริ่มอ่อนเพลียและเดินไม่ไหว อาตมาและพระสุชาติจึงบอกให้พระอ้วนนั่งรอก่อน จะไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือ
แต่ระหว่างที่เดินกันออกมา 2 รูป ก็หลงป่า จึงได้หาจุดที่มีสัญญาณโทรแจ้งลูกศิษย์ที่วัด ให้เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาตามหา เจ้าหน้าที่มาถึงก็ได้โทรติดต่อกันตั้งแต่คืนนั้น และเจ้าหน้าที่ได้โทรบอกว่าจะมีการเปิดไซเรน และให้เดินออกมาตามเสียง กระทั่งรุ่งเช้า ของวันที่ 1 พ.ค. 63 ตนและพระสุชาติได้เดินออกมาตามเสียงไซเรนพบกับเจ้าหน้าที่ และจำไม่ได้ว่าพระอ้วนอยู่ตรงไหน
ล่าสุด วันนี้อาตมาและพระสุชาติพร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาค้นหาอีกครั้ง ได้พบกับพระอ้วนเวลาประมาณ 13.00 น. นั่งอยู่กลางป่าในร่มไม้ด้วยอาการอิดโรย โดยอาตมาเชื่อว่าพวกอาตมาและพระอ้วน อาจจะมีการเหยียบหรือข้ามเครือสาวหลง เพราะเป็นเครือไม้ศักดิ์ ลักษณะเป็นว่าหายาก ลำต้นกลมสีดำและอ่อนคล้ายเส้นผม ไม่มีกิ่งก้านและใบ จะเกาะตามต้นไม้ใหญ่ และมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำมันจันทน์ ตามความเชื่อหากใครข้ามก็จะหลงทางได้ นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลงทางหากันไม่เจอ "หลังจากนี้อาตมาจะไม่มาธุดงค์ในป่าอีกแล้ว ธุดงค์ตามบ้านดีกว่า เพราะเข้าป่ามันหลง"
ทีมข่าวยังได้รับคลิปวิดีโอจากนายสุบัน มณีแสง สารวัตรกำนัน ต.ลำนางรอง ขณะที่เข้าไปพบกับพระอ้วนในป่า โดยพระอ้วนสละจีวร อยู่ในอาการเบลอ พูดจายังไม่ค่อยรู้เรื่อง
ด้านพระสุชาติ สุชาโต อายุ 32 ปี พระที่ร่วมเดินทางกับพระวิรัตน์ และพระอ้วน เปิดเผยว่า อาตมาตั้งใจจะมาธุดงค์กันในป่า 7 วัน แต่เกิดเรื่องที่พระอ้วนเริ่มอ่อนเพลียไปต่อไม่ได้ โดยน้ำที่เตรียมไป 2 ขวด (600 มิลลิลิตร) ได้หมดลง และในป่าไม่มีแหล่งน้ำ โดยคืนวันที่ 30 เม.ย. 63 พระอ้วนอ่อนเพลีย อาตมาและพระวิรัตน์จึงได้คุยกันว่าจะเดินออกจากป่า เพื่อจะไปตามให้คนมาช่วย แต่เกิดการหลงป่าจำเส้นทางไม่ได้ และกลับไปหาพระอ้วนไม่ได้
ก่อนที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ กระหายน้ำมาก แต่น้ำที่เตรียมมาก็หมดแล้ว จึงได้ปัสสาวะใส่ขวดน้ำ เพื่อนำมาจิบประทังชีวิต โดยน้ำปัสสาวะจะไม่มีการการต้ม เนื่องจากรู้สึกอ่อนแรงกันแล้ว ขณะที่เดินออกมาจากป่า 2 รูป ในใจอาตมาก็นึกว่าคงไม่รอดแล้ว นึกถึงแค่เพียงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บอกกับตัวเองว่าอาตมาจะต้องรอดออกไปให้ได้ ซึ่งระหว่างที่หลงวนอยู่ในป่าอยู่นั้น ก็รู้สึกเป็นห่วงพระอ้วนด้วย แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
"อาตมาและพระทั้ง 2 รูป ยังไม่เคยมาป่านี้ แต่ก่อนก็เคยเดินธุดงค์ตามป่าแถวสำนักสงฆ์ แต่ไม่เคยเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น อาตมาจะไม่มาเดินในป่าอีก เนื่องจากเจ้าหน้าที่สั่งห้ามแล้ว"
