เมื่อวันที่ 29 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 8 ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม จ.ลำปาง พบน.ส.ชมพูนุช ผันผ่อน อายุ 23 ปี ชั้นปี 2 คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ครอบครัวตนเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากแม่ คือ น.ส.ผุลหทัย แก่นแก้ว อายุ 49 ปี ซึ่งไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยไปแบบผิดกฎหมายหรือผีน้อย ขณะนี้ได้ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หมดค่าใช้จ่ายไปแล้วเกือบ 8 ล้านวอน และยังไม่สามารถที่จะเดินทางกลับประเทศไทยได้
โดยแม่ก่อนไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ต้องขายบ้านที่ จ.ลำพูน และนำบ้านที่ จ.ลำปาง ไปจำนองเพื่อใช้หนี้ที่มีอยู่ เนื่องจากทางครอบครัวมีหนี้สินจำนวนมาก ประกอบกับแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องส่งเสียตัวเองเรียนอีก จึงต้องทำงานทุกอย่างและสุดท้ายด้วยภาระหนี้สินที่มีอยู่ เลยจำเป็นต้องไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.62 ที่ผ่านมา
แต่แม่มีโรคประจำตัว คือ โรคภูมิแพ้ กระทั่งเมื่อต้นเดือน มี.ค.63 ที่ผ่านมา แม่เริ่มมีอาการไอเรื้อรัง และจะเดินทางกลับบ้าน แต่ต่อมาสนามบินก็ปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และต่อมาต้นเดือน เม.ย.63 อาการแม่เริ่มทรุดลงเรื่อย ๆ ต้องไปรักษาตัวที่คลินิกในกรุงโซล ทางบ้านต้องไปกู้เงินกว่า 1 แสนบาท ส่งให้แม่ไปรักษาตัว
ในวันที่ 24 เม.ย.63 แม่มีอาการหนักจนถึงขั้นอาเจียน กินข้าวไม่ได้ และเดินก็ไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 25 เม.ย.63 อาการของแม่ทรุดหนักจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ซึ่งผลการตรวจยืนยันว่าไม่พบเชื้อโควิด-19
ขณะนี้ยอดค่ารักษาพยาบาล ณ วันที่ 28 เม.ย.63 ประมาณ 8 ล้านวอน ซึ่งหากมีการรักษาต่อ ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ตนหมดหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือแม่ และหากเป็นไปได้ก็อยากให้แม่กลับมารักษาตัวที่บ้าน เพื่อจะได้ดูแลแม่ต่อไป
นางคำเอ้ย แก่นแก้ว อายุ 74 ปี แม่ของน.ส.ผุลหทัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า ตอนนี้ตนนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวันหลังจากที่ทราบว่าลูกสาวป่วยหนักที่ประเทศเกาหลีใต้ ตอนนี้ตนหมดปัญญาที่จะช่วยเหลือลูกสาวแล้ว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเพราะทุกวันนี้ลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ เพราะภาระหนี้สินและต้องการหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและส่งลูกเรียน
น.ส.รุจิรา ธนวัตสุวรรณ อายุ 37 ปี ญาติ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ขอร้องให้คนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันที่ทำงานอยู่ที่เกาหลีใต้ ไปช่วยดูอาการให้ ซึ่งเบื้องต้นอาการของผู้ป่วยโดยรวมดีขึ้นบ้างเล็กน้อย และได้ประสานไปยังนายนเรศวร์ฤทธิ์ อุบลศรี นายอำเภอเสริมงาม ซึ่งท่านเองได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่บ้านและให้ช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นก็ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ และยังรอคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง
