จากกรณี เพจข่าวสารเมืองปราการ V.2 โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวสุดหดหู่ของครอบครัวของหญิงคนหนึ่ง ที่ก่อเหตุขโมยของให้ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กลางเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ทำงานของเธอ เพื่อหวังที่จะนำกลับมาให้ครอบครัว สิ่งของของที่พยายามจะขโมยนั้น เป็นอาหารสด อาทิ หมูบด หัวใจไก่ และปลากระป๋อง รวมเป็นเงิน 92 บาท
แต่กลับถูกผู้จัดการห้างจับได้ และนำตัวไปแจ้งความดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นตัวสามีจึงขอความช่วยเหลือกับสำนักงานกระทรวงยุติธรรม จ.สมุทรปราการ
วันที่ 28 เม.ย.63 นายอาทิตย์ กลิ่มหอม สามีของหญิงที่ก่อเหตุ บอกว่า เมื่อช่วงคืนของวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ภรรยาโทงมาหาตนเอง และบอกว่าถูกทางห้างจับได้ว่าแอบขโมยของและถูกแจ้งความดำเนินคดี ตอนนั้นตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก จึงรีบตามไปที่โรงพัก เมื่อได้พบภรรยาและเห็นหลักฐานที่หัวหน้างานนำมามอบให้ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็น หมูบด หัวใจไก่ และปลากระป๋อง ตนเองก็น้ำตาร่วงทันที เพราะรู้ว่าของเหล่านี้ ภรรยาคงตั้งใจขโมยเพื่อนำกลับมาทำอาการให้ตนเอง ลูก ๆ รวมถึงแม่ของตนเองกิน เพราะหลังจากช่วงสถานการณ์โควิด ภรรยาก็ขาดรายได้ ส่วนตนเองก็ไม่ได้ทำงานว่างงานมาปีกว่า เนื่องจากมีโรคประจำตัว
ที่ผ่านมา ภรรยาต้องทำงานหาเงินเลี้ยง 5 ชีวิต ตนเองจึงพยายามหายืนเงินจากคนรู้จักเพื่อชดใช้คืนให้กับทางห้าง และขอให้ผู้จัดการห้างถอนแจ้งความ แต่ผู้จัดการไม่ยอม และบอกว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จนสุดท้ายภรรยาตนเองถูกนำตัวเข้าเรือนจำ เพราะตนเองไม่มีเงินมาประกันตัว ตอนนี้จึงทำได้เพียงออกมาหางานรับจ้าง ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะหาเงินมาเลี้ยงลูก 2 คนกับแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต โชคดีที่มีหลาย ๆ คนติดต่อมาและให้ความช่วยเหลือทั้งเรื่องอาหาร เงิน และมีคนเสนอจะช่วยติดตามการดำเนินคดี และพาภรรยาตนเองกลับมาให้
ด้าน นางวราพร กลิ่นหอม แม่ของนายอาทิตย์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ยิ่งรู้ว่าลูกสะไภ้ทำไปเพื่อทุกคนในครอบครัวก็ยิ่งเสียใจ เพราะที่ผ่านมาลูกสะไภ้เป็นคนดี ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ แต่ช่วงนี้ลูกสะไภ้ขาดรายได้ ลูกชายก็ป่วยทำงานหนักไม่ได้ จึงคิดว่านี้อาจเป็นสาเหตุให้ลูกสะไภ้ต้องทำแบบนี้
ขณะที่ นายกมล บุญเสริม นิติกร สำนักงานกระทรวงยุติธรรม จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวของหญิงคนดังกล่าว บอกว่า หลังจากทำการตรวจสอบข้อมูลของครอบครัวหญิงคนดังกล่าวพบว่า ไม่เคยก่อเหตุหรือถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์ จึงดำเนินเรื่องนำหนังสือยื่นให้ทางกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณา เพื่อช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าวให้ออกจากเรือนจำชั่วคราว อีกทั้งยังเตรียมที่จะช่วยเหลือทางคดี โดยขณะนี้มีการส่งหนังสือให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัด นำไปพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งจะได้ข้อสรุปอีกครั้งในวันพฤหัสนี้ ส่วนครอบครัวของหญิงคนนี้ตอนนี้มีหลาย ๆ หน่วยงานเข้ามาช่วยดูแล รวมถึงมีคนที่ทราบข่าว เข้ามาช่วยเหลือทั้งเรื่องอาหารและเงินบ้างแล้ว
ส่วน นางรชาดา ศรัทธารมย์ เพื่อนบ้านของหญิงผู้ก่อเหตุ บอกว่า ปกติแล้วตนเองรู้จักกับครอบครัวนี้เพียงผิวเผิน แต่ก็เห็นใจครอบครัวของหญิงคนดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวคนเดียว อีกทั้งสภานการณ์และเศรษฐกิจในช่วงนี้ค่อนข้างแย่ จึงมองว่าที่ทำไ เพราะความจำเป็นจริง ๆ
