หนีไม่รอด! ตำรวจไล่จับ 4 วัยรุ่น รวมตัวนั่งมั่วสุมเสพยาไอซ์ ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว

16 เม.ย. 63

เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 16 เม.ย.63 นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล นายอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี สั่งการให้ นายสมพล สุระสัจจะ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมกำลัง สมาชิก อส.ร้อย.อ.บางใหญ่ที่6 บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ เข้าตรวจสอบสถานที่กำลังก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร หมู่ที่1 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีกลุ่มวัยรุ่นนั่งมั่วสุมเสพยา โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว

504631

จากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้าง มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ซึ่งกำลังก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร พบกลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 4 ราย กำลังนั่งจับกลุ่มมั่วสุม อยู่บริเวณหลังรถกระบะเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ ต่างวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง บางคนวิ่งหนีลงไปในน้ำ บางคนวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในรถแบ็คโฮ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในรถแบ็คโฮ พบนายสุพล พิมพา อายุ 37 ปี ชาว จ.นครราชสีมา แอบอยู่ภายในรถ จึงได้เเสดงตัวและขอตรวจค้น แต่นายสุพลพยายามขัดขืนโดยการสตาร์ทรถและใช้แขนรถตักดินเหวี่ยงไปมา แต่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ในที่สุด

481307

จากการตรวจค้นภายในรถพบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์วางอยู่ข้างเบาะรถจำนวนหนึ่ง และพบยาไอซ์บรรจุอยู่ในซองพลาสติกใส น้ำหนัก 0.14 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวา จึงยึดไว้เป็นของกลาง อีกรายคือนายสุบิน ศรีวงศ์ อายุ 30 ปี ชาว จ.อุดร และ นายวีรยุทธ เตื่อยโยชน์ อายุ 35 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย หลบซ่อนอยู่ภายในรถแบ็คโฮ

918543

จากการตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พบสารเสพติดในร่างกาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้อีกราย ทราบชื่อคือนายภาณุพงศ์ มีปรางค์ อายุ 20 ปี ชาว จ.พิษณุโลก ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในคลอง จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนที่ สภ.บางใหญ่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เเจ้งข้อหานายภาณุพงศ์ มีปรางค์ ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน โดยไม่มีเหตุอันควร มีโทษปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และแจ้งข้อหานายสุพล พิมพา มียาเสพติด(ยาไอซ์)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย ได้ทำการคัดเเยกเข้าค่ายบำบัดเพื่อคืนคนดีสู่สังคมต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส