จากกรณีที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้นำเสนอเรื่องของผู้เสียหาย ที่ออกมาร้องเรียนเต็นท์รถมือสอง ย่านถนนกาญจนาภิเษก หลังนางกรรณิกา ไชยปทุม ผู้เสียหายรายแรกได้ถ่ายคลิปวิดีโอขณะที่กำลังทะเลาะกับเจ้าของเต็นท์รถ ซึ่งเธอบอกว่า “ถูกโกง” เนื่องจากสั่งจองรถอีกคัน แต่กลับได้รถมาอีกคัน คล้ายกับสลับรถ ทำให้ภายหลังที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาแล้วมีผู้เสียหายอีกหลายรายได้ออกมาแสดงตัวว่าถูกหลอกเช่นเดียวกัน
ล่าสุด วันนี้ (22 ส.ค. 60)
นายศิริวัฒน์ ฉ่ำสุขติ หรือต้น อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน ปี 2559 ขณะนั้นตนตั้งใจจะซื้อรถยี่ห้อ Chevrolet Aveo พร้อมเสียเงินค่าจองไปในราคา 5,000 บาทกับเจ้าของเต็นท์ หลังจากนั้นเจ้าของเต็นท์ก็บอกตนว่าจะทำการจัดไฟแนนซ์ให้ พอถึงเดือนกันยายน ปี 2559 ปรากฏว่าเจ้าของเต็นท์ก็มาบอกว่าจัดไฟแนนซ์ผ่านแล้ว จึงวางเงินดาวน์ไป 45,000 บาท แต่พอถึงวันนัดที่จะรับรถปรากฏว่า ลูกน้องเจ้าของเต็นท์บอกตนว่า
"รถมีคนเอาไปแล้ว ขายไปแล้วด้วย" แล้วพูดจาหว่านล้อมให้ตนเอารถยี่ห้อ Honda City ZX ในราคา 229,000 บาทไปแทน เพราะหากไม่เลือกก็จะไม่ได้เงินที่ดาวน์ไปแล้วคืน ตนจึงจำยอมที่จะเอารถคันดังกล่าวมาใช้โดยความจริงแล้วตนไม่ได้ชอบเลยด้วยซ้ำ
นายศิริวัฒน์ บอกว่า ช่วงแรกรถก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่พอผ่านไปประมาณ 4 - 5 เดือน ตนก็ได้เอารถไปเปลี่ยนยางที่อู่ พบว่า แม่แรงดันทะลุคัทซีทั้ง 2 ฝั่ง จนฉีกขาด ใต้ท้องรถก็มีสนิมขึ้น ผุพังทะลุเสียหายเป็นอย่างมาก ประกอบกับเบาะที่นั่งหลังรถ และคานรถก็ทะลุ ตนเลยติดต่อกลับไปยังเจ้าของเต็นท์รถ ทางเจ้าของเต็นท์ก็พยายามพูดจาบ่ายเบี่ยง ปัดความรับผิดชอบ แตกต่างจากตอนที่ซื้อตอนแรกเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น นายศิริวัฒน์ ได้ทดลองสตาร์ทรถให้ทีมข่าวดู ก็จะเห็นว่า เสียงลูกยางแท่นเครื่องดังเป็นอย่างมาก รวมถึงใต้ท้องรถผุพังเป็นสนิมทั้งหมด คาดว่าก่อนหน้านี้ทางเต็นท์รถ ได้เอาสีมาเคลือบให้เป็นสีดำเนียนไปกับใต้ท้องรถ ส่วนเบาะหลังรถก็ทะลุ โดยมองภาพรวมรถได้รับความเสียหายอย่างมาก
ทั้งนี้ ฝากบอกไปทางเจ้าของเต็นท์รถว่า สำหรับเงินที่ต้องผ่อนเดือนแต่ละเดือนกับสภาพรถเช่นนี้ อยากถามว่าคุ้มหรือไม่ เพราะตนก็ลำบาก ตั้งใจซื้อรถคันแรก เพื่อให้ลูกได้นั่งไปโรงเรียนแบบสบายๆ แต่กลับต้องมาเจออะไรเช่นนี้ จึงอยากฝากให้มารับผิดชอบบ้าง ท้ายที่สุดนี้อยากให้เจ้าของเต็นท์ได้รับกรรมที่ทำไว้กับคนอื่นๆ รวมถึงตนด้วย
พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท., พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคับการสายตรวจ พร้อมด้วยตำรวจ สน.หลักสอง, เจ้าหน้าที่หน้ากองพิสูจน์หลักฐาน, เจ้าหน้าขนส่งทางบก, เจ้าหน้าที่ สคบ. ได้นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เข้าตรวจที่เต็นท์คาร์พาร์ค ตั้งอยู่ภายในศูนย์รวมรถยนต์พีจี ถนนกาญจนภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม. โดยเต็นท์รถดังกล่าว เป็นเต็มท์รถที่มีปัญหา เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานในการสอบสวนเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงประชาชน
โดย
นางสาว ทัศนีย์ เช้าเจริญประกิจ เจ้าของเต็นท์รถ CarPark อายุ 38 ปี เปิดเผยว่า ตนเปิดบริการเต็นท์ดังกล่าวมา 8 ปีแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าตนฉีกเอกสาร ก็ยอมรับว่าฉีกจริงแต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากมีผู้มาซื้อรถยนต์ของตนเป็นรถยนต์เซฟโรเล๊ต แคปติวา โดยทำสัญญาซื้อขายกัน จากนั้นเมื่อถึงวันรับรถผู้ซื้อได้รับรถเป็นเครื่องเบนซิน จึงเกิดความไม่พอใจ หาว่าผิดสัญญา ทำให้มีปากเสียงกันขึ้นโดยผู้ซื้อด่าทอตนว่าขี้โกง ซึ่งการขายรถยนต์ดีเซลจะสูงกว่าและไม่สามารถทำได้ เพราะผิดเงื่อนไขในการซื้อขายจึงไม่คืนเงินมัดจำให้
ขณะนี้เจ้าหน้าที่จะรวบรวมเอกสารและรถที่มีปัญหาทั้งหมดให้ทางพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.แถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ระบุว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้ดำเนินการควบคุมตัว นางสาว ทัศนีย์ เช้าเจริญประกิจ อายุ 38 ปี เจ้าของเต็นท์รถมาดำเนินคดีแล้ว ในฐานความผิดทั้งสิ้น 7 ข้อหา ประกอบด้วย เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น / เป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใช้เเล้วโดยไม่มีฉลากสินค้าหรือมีฉลากแต่ฉลากสินค้านั้นไม่ถูกต้อง / ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่วยรถยนต์ใช้เเล้วไม่จัดให้มีหลักฐานการรับเงินให้ถูกต้องหรือมีหลักฐานการรับเงินแต่ไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่มีข้อความและรายการที่ถูกต้อง / ฉ้อโกงประชาชน / ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม กรณี นำแผ่นป้ายทะเบียนปลอมมาใช้ / นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ / ค้าของเก่าโดยใบอนุญาตขาดอายุ
นอกจากนี้ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบรถที่มีอยู่ในเต็นท์จำนวน 83 คันในเชิงลึกอยู่ คาดต้องใช้ระยะเวลาสักระยะถึงการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น พร้อมยืนยัน ผู้ร่วมขบวนการมีมากกว่า 1 คนแน่นอน โดยภายหลังจากนี้ จะตรวจสอบไปยังเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาว่ามีการฟอกเงิน หรือไม่ และจะนำกำลังเข้าตรวจสอบ เต็นท์รถมือ 2 ทุกที่ที่ได้รับการร้องเรียนว่าเข้าข่ายการกระทำผิดเหมือนกับเต็นท์รถดังกล่าว
ด้าน
นายเล็ก ทันพิสิทธิ์ นักวิชาการขนส่ง เปิดเผยว่าภายหลังการตรวจสอบรถยนต์ภายในเต็นท์รถ เบื้องต้น พบรถเข้าข่ายการกระทำความผิดจำนวน 23 คันจากทั้งหมด 83 คัน แบ่งเป็น ไม่ชำระภาษีประจำปี 18 คัน และใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถไม่ถูกต้องตามที่หน่วยงานราชการออกให้จำนวน 5 คัน ส่วนข้อมูลการกระทำความผิดอื่นๆยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
ขณะที่
นางสาวพวงพยอม หรือหยก เปิดเผยกับทีมข่าวว่า รู้สึกดีใจที่เสียงเล็ก ๆ ของตนในวันนั้นมีประโยชน์ และสามารถช่วยใครไว้ได้เยอะ เพราะใครที่กำลังจะเข้าไปซื้อรถที่เต็นท์นี้ พอได้เห็นกระทู้ ทำให้เขารู้ตัวก่อนที่จะถูกหลอก โดยเลือกที่จะไปเต็นท์อื่นแทน ยอมรับว่า ทุกวันนี้ที่ออกมาร้องเรียน ตนไม่ได้อยากได้เงินคืน เพราะเลยจุดนั้นมาแล้ว แต่คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างที่ไม่ให้คนทำมาหากินโดยวิธีแบบนี้มาเอาเปรียบคนที่ทำงานสุจริต อยากให้เจ้าหน้าที่เอาผิดกับเจ้าของเต็นท์ให้ถึงที่สุด ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง
ส่วน
นางจุรีย์ สอทอง ผู้เสียหายที่ออกรถจากเต็นท์ดังกล่าวเมื่อ ก.ค. 2559 เปิดเผยว่า ตนเพิ่งได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง แต่ยืนยันว่าไม่ได้อยากได้เงินคืน จึงอยากให้เรื่องดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชนที่จะซื้อรถและเต็นท์รถอื่น ๆ ไม่ให้ทำกับคนจน ๆ ที่ไม่มีเงินจะไปซื้อรถป้ายแดงอีก และอยากบอกเจ้าของเต็นท์ว่าว่าอย่าได้ไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก เงินเพียงน้อยนิด แต่สำหรับบางคนนั้นมาจากการทำงาน และใช้เวลาเก็บออม อยากให้ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาไม่ว่าเต็นท์นี้หรือเต็นท์ไหน
ทั้งนี้ นางจุรีย์กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคดีของตนในกรณีการปลอมแปลงลายเซ็นคู่สมรส เพื่อจะขยายผลหาคนร่วมทำผิดรายอื่นต่อไป