องค์การอนามัยโลก ยอมรับว่าโรคนี้เป็นวิกฤติ ทางด้านสุขภาพ ดังนั้นทุกประเทศจะต้องให้ความสำคัญ ในการ เตรียมพร้อม การวินิจฉัย การป้องกัน การรักษา รวมทั้งจะต้องลดการแพร่กระจายของโรคลง และหาองค์ความรู้ใหม่ เพื่อมาใช้ในการดูแล รักษา ป้องกัน ทุกประเทศจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ในการลดความสูญเสียทางด้านสุขภาพ จิตใจ รวมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม และจะต้องเคารพในสิทธิมนุษยชน
ในการระบาดใหญ่ทั่วโลก สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการควบคุมโรค คือ ประเทศที่ยังไม่มีความพร้อมทางด้านทรัพยากร การดูแลรักษา
ทุกประเทศจะต้องช่วยร่วมมือกันในการผ่านวิกฤติครั้งนี้
นพ.ยง ระบุว่า คำถามของประเทศไทย เราจะได้ยินที่ถามบ่อยเสมอว่า เข้าสู่ระยะที่ 3 หรือยัง การเดินทางครั้งนี้ไม่ว่าเข้าสู่ระยะใด แนวทางการปฏิบัติของคนไทยทุกคนก็คงต้องเคร่งครัดเหมือนเดิม ปฏิบัติตน มีระเบียบวินัย ทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลในภาพรวม และคำแนะนำต่าง ๆ ส่วนแนวทางเมื่อมีการระบาดเพิ่มขึ้น หรือในวงกว้างที่เรียกว่าเข้าสู่ระยะที่ 3 ทางกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นคนให้คำแนะนำมาเอง
การลดการแพร่กระจายของโรค เราจะต้องเคร่งครัด ไม่ใช่แค่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ แต่จะต้องคำนึงถึงการกำหนดระยะห่างของบุคคล personal distance คือ ประมาณ 2 เมตร หรือ 6 ฟุต และระยะห่างของสังคม social distance ดังที่เราเห็นทุกวันนี้ที่มีการงดการประชุมที่มีคนหมู่มาก งดกิจกรรมในการรวมตัวของบุคคล ที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคอย่างไม่คาดคิดได้
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : Yong Poovorawan