โจรสาวกราบยาย สำนึกผิดคิดชิงเงิน

13 มี.ค. 63
รวบแล้วโจรสาวชิงเงินยาย 73 ใจเด็ดฮึดสู้กระชากไอ้โม่งจนหลุด พบเพิ่งพ้นโทษ ตำรวจคุมตัวทำแผน เจ้าตัวสำนึกผิด ก้มกราบเท้าขอโทษ อ้างเห็นยายนั่งนับเงินจึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ จากกรณีคนร้ายชิงทรัพย์กระเป๋าเงินของ นางเสวียน ประสงค์ทรัพย์ อายุ 73 ปี เจ้าของร้านขายของชำริมถนนสายนางรอง-เฉลิมพระเกียรติ บริเวณบ้านตะโกพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ตอนกลางวันแสกๆ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เงินไปหลายพันบาท โดยคุณยายผู้เสียหายยังฮึดต่อสู้กับคนร้าย ด้วยการเข้าไปตบตีและกระชากหมวกไหมพรมที่คนร้ายสวมใส่จนหลุด ก่อนคนร้ายจะตกใจวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ล่าสุด พ.ต.อ.วิศิษฐ์ บัวสง่าวงศ์ ผู้กำกับการ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ชุดสืบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอ คุมตัว น.ส.สายสุนีย์ ชุนชาญโหมก อายุ 41 ปี ชาว ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังร้านค้าที่เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านมารอดูการทำแผนจำนวนมาก เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุกับคนแก่ หลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ชุดสืบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ และฝ่ายปกครองได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนหาเบาะคนร้ายจนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ ซึ่งขณะทำแผน น.ส.สายสุนีย์ ผู้ต้องหา ก็สำนึกผิดได้ก้มกราบเท้าขอโทษยายผู้เสียหาย ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้านที่มารอดูการทำแผนจำนวนมาก ซึ่งคุณยาย ก็ใช้มือลูบศรีษะผู้ต้องหา พร้อมบอกว่า "อย่าทำแบบนี้อีก ให้รู้จักทำมาหากิน หนูยอมรับสารภาพยายก็ดีใจแล้ว" คุณยายยังบอกด้วยว่าหากขอยายดีๆ ยายก็จะให้หนูไม่ต้องมาทำกับยายแบบนี้ ทั้งยังถามผู้ต้องหาด้วยว่าเอาเงินไปทำอะไร แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ตอบเอาแต่ร้องไห้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาอ้างว่าที่ทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากได้ขี่รถผ่านมาแล้วจะลงไปซื้อน้ำดื่ม แต่เห็นคุณยายนั่งนับเงินอยู่เห็นว่าเป็นคนแก่ จึงได้ลงมือก่อเหตุชิงกระเป๋าเงินยาย แต่คุณยายเกิดต่อสู้ใช้มือตบตีและกระชากหมวกจนหลุด จึงหลบหนีไป และอ้างว่าไม่ได้เงินไปด้วย แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะทางผู้เสียหายบอกว่าเงินหายไปประมาณ 4-5 พันบาท นางเสวียน ผู้เสียหาย กล่าวว่ายินดีให้อภัย เพราะตนเองก็อายุเยอะแล้ว รู้สึกสงสาร เข้าใจว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ถึงแม้จะไม่ควรทำกับตนเองซึ่งเป็นคนแก่ก็ตาม รู้สึกโชคดีที่ผู้ต้องหาไม่ต่อสู้ พร้อมทั้งยังบอกด้วยว่า วันเกิดเหตุที่ฮึดสู้คนร้าย ไม่รู้ทำไมถึงมีแรงสู้ทั้งที่ปวดหัวเข่า ก็ยอมรับว่าตัวเองใจเด็ดมาก ทั้งนี้จากการสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาพึ่งพ้นโทษคดีวิ่งราวทรัพย์มาเมื่อปีที่แล้ว จึงคาดว่าน่าจะก่อเหตุมาหลายท้องที่ ก็จะได้ประสานไปยังท้องถิ่นให้มาชี้ตัวว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับที่ก่อเหตุหรือไม่ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ”

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ