เหยื่อผุดรายที่ 4 หมอจ่ายยาแรงทำตาย "ต้นอ้อ" ซัดอย่าเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา (คลิป)

20 มิ.ย. 67

โผล่อีกเคสลูกสาวร้องอมรินทร์ทีวี พ่อไปหาหมอเพราะป่วยเคล็ดขัดยอก สุดท้ายให้ยามากิน 4 ตัวเกิดอาการชักเกร็ง สุดท้ายสมองขาดเลือดเสียชีวิต

จากกรณีทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้งหมด 3 ครอบครัว เรื่องหมอโรงพยาบาลพระทองคำ วินิจฉัยโรคผิดพลาด จนนำมาซึ่งการเสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย

960885

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.ภัทรภร ศรอินทร์ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ ซึ่งเป็นลูกสาวของ นายดวงประสิทธิ์ อินปะคำ อายุ 41 ปี ผู้เสียชีวิต เพิ่มเติมเป็นรายที่ 4

น.ส.ภัทรภร เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปกติแล้วคุณพ่อแข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัวอะไร ไม่เคยป่วยไม่เคยลางานเลย ซึ่งทำงานเป็นพนักงานขับรถของโรงเรียน เเละเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว โดยเหตุการณ์ของพ่อ เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 64 หรือเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นตนเองอยู่ ม.6

โดยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 พ่อของตนไปทำงานแล้วต้องยกโต๊ะเรียนขึ้นอาคารเรียนชั้น 3 บาดเจ็บจากการทำงาน จนทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่หลังและเอว จนสุดท้ายในเย็นวันนั้นคุณพ่อทนไม่ไหว จึงบอกให้ตนพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลพระทองคำ เพื่อขอให้ฉีดยารักษาให้ โดยในช่วงที่พ่อเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินตนเองไม่ได้ตามเข้าไปด้วย แต่ทราบว่าหมอมีการฉีดยาให้พ่อหนึ่งเข็ม หลังจากนั้นก็ได้รับยา 4 ตัว กลับมามานที่บ้าน ได้แก่ คอมเพอริโดน ปรับการบีบตัวของลำไส้แก้คลื่นไส้อาเจียน, ทามาดอล ยาแก้ปวดแก้ปวด กินเเล้วง่วงนอน คลื่นไส้, No norgesic มีคำเตือนระวังการใช้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนผสมกินแล้วอาจง่วงนอนระวังการขับรถงดดื่มเหล้า และ IBuProfeN ยาแก้ปวดลดการอักเสบกินหลังอาหารทันทีไม่ควรกินขณะท้องว่างเพื่อลดการระคายเคืองทางเดินอาหาร

โดยยาทั้งสี่ตัวนี้หมอระบุ หน้าซองยาบอกให้กินวันละ 3 ครั้ง เช้ากลางวันเย็น ครั้งละ 1 เม็ด เท่ากับมื้อหนึ่งจะกิน 4 เม็ด ต่อมาในวันที่ 11 ส.ค. 64 ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น คุณพ่อก็ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติอาการเหมือนจะดีขึ้น แต่พอตกกลางคืนช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. หลังจากที่พ่ออาบน้ำกินข้าวและทานยาหลังอาหารเสร็จ อยู่ๆ พ่อก็เกิดอาการชักเกร็ง จะอาเจียนตลอดเวลา ไม่ตอบสนอง เเต่ยังพอมีสติอยู่ จนตนต้องรีบบอกอาให้พาพ่อไปส่งโรงพยาบาล

494623

ลูกสาวผู้เสียชีวิตเล่าให้ทีมข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ในตอนนั้นหลังจากที่พาพ่อเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่กลับมัวแต่นั่งซักประวัติพ่อ ทั้งๆ ที่อาการของคุณพ่อไม่สามารถพูดได้แล้ว เเละเริ่มอาละวาดเพราะความเจ็บปวดทรมาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังถามตนอีกว่าพ่อได้เสพยาเสพติดมาหรือไม่ ซึ่งทำให้ตนรู้สึกเสียใจมากตนจึงบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า พ่อของตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน

หลังจากที่พ่อเข้าไปในห้องฉุกเฉินก็มีเจ้าหน้าที่ 4-5 คน เข้ามามัดแขนขาของพ่อติดกับเตียงนอน ซึ่งตอนนั้นตนสังเกตเห็นว่า บริเวณข้อมือของพ่อมีรอยเล็บเต็มไปหมด ก่อนจะฉีดยาให้พ่อของตนทั้งหมด 2 เข็ม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยานอนหลับ แต่พ่อของตนก็ไม่ยอมนอนแล้วยังดิ้นทุรนทุรายต่อไป ไม่สามารถสื่อสารได้

สุดท้ายเจ้าหน้าที่เข็นพ่อตนเข้าไปในห้องผู้ป่วยใน ตนก็นั่งเฝ้าพ่ออยู่จนถึงเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 12 ส.ค. 64 ซึ่งอาการของพ่อก็ไม่ดีขึ้น ตนจึงรีบวิ่งไปตามพยาบาลที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ให้มาช่วยดูอาการของพ่อ พอพยาบาลมาถึงก็บอกกับตนว่า “ก็ฉีดยานอนหลับให้แล้วพ่อของหนูอาละวาดจะให้ทำยังไง” ก่อนจะเดินกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม ตอนนั้นไม่มีหมอเลยจนเที่ยงคืนกว่าๆ ไปตามหมอมา ก่อนจะเอาเครื่องช่วยหายใจเข้าไปที่เตียง หลังจากนั้นก็ปิดม่าน ผ่านไปอีกประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงพอเปิดม่านออกมาพ่อของตนก็แน่นิ่งไปแล้ว

628687

หลังจากนั้นก็มีการเตรียมพาพ่อขึ้นรถของโรงพยาบาลส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช โดยตอนนั้นหมอที่โรงบาลพระทองคำให้เหตุผลกับตนว่า พ่อมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งตอนนั้นกว่าพ่อของตนจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลมหาราชก็เป็นช่วงเวลาเกือบจะ 03.00 น. แล้ว ยืนยันว่ารถของโรงพยาบาลที่ขับพาพ่อไปส่ง ขับช้ามาก เหมือนไม่รีบร้อนที่จะพาคนไข้ไปส่งถึงมือหมอ

พอไปถึง รพ.มหาราช หมอก็รีบพาเข้าห้องฉุกเฉิน จนสุดท้ายหมอออกมาบอกตนในช่วงเวลา 06.00 น. ว่าไม่สามารถช่วยเหลือคุณพ่อได้แล้วเพราะมาถึงมือหมอช้าเกินไป เพราะพ่อของตนสมองบวมสมองตายเพราะขาดออกซิเจน ตอนนั้นหมอบอกให้ตนทำใจและต้องรอดูอาการของพ่อไปก่อน เเละถามตนว่าจะให้ปั๊มหัวใจหรือไม่ เเต่ถ้าปั๊มก็อาจจะซี่โครงหัก หลังจากนั้นตนก็ปรึกษาครอบครัว

จนกระทั่งวันที่ 13 ส.ค. 64 เวลาประมาณช่วง 14.00 น. ตอนนั้นตนกำลังสอบอยู่ในห้องเรียนก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะโทรมาบอกตนว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว หมอระบุสาเหตุการตายว่าติดเชื้อในกระแสเลือด

205371

โดยหลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลพระทองคำก็แนะนำให้ตนยื่นเรื่องขอรับเงินประกันสังคมของพ่อ แต่ตอนนั้นตนก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากทางโรงพยาบาล ที่วินิจฉัยอาการข้อผิดพลาดและทำให้การรักษาล่าช้า จนนำมาสู่การเสียชีวิต มีเพียงคำขอโทษจากทาง ผอ. โรงพยาบาลเท่านั้น

ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุตนก็ได้โพสต์เรื่องราวลงในเฟซบุ๊ก โดยในตอนนั้นทาง ผอ. และคณะเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเดินทางมาที่งานศพ มีบุคลากรเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ติดตามมากับ ผอ. บอกให้ตนลบโพสต์ อีกทั้งยังข่มขู่ว่าการโพสต์แบบนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อโรงพยาบาล และสามารถฟ้องร้องครอบครัวของตนได้ แต่ตนก็ยืนยันที่จะไม่ลบโพสต์ดังกล่าว และตนยังได้ยินมาอีกว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ของพ่อมาได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็เกิดเหตุเด็กทารกเพิ่งคลอดที่โรงพยาบาลเสียชีวิต

จนถึงตอนนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปี ตนก็ยังทำใจไม่ได้ แล้วยังคงเสียใจตลอดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องของพ่อ และตนก็ยังคงได้ยินเรื่องราวของโรงพยาบาลนี้ที่ทำคนไข้เสียชีวิตไม่ก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาอีกหลายเคส ตนอยากจะฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและตรวจสอบการทำงานของโรงพยาบาลนี่ด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสียแบบนี้ขึ้นอีก

นอกจากนี้ ตนยังอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้เป็นพ่อ เพราะหลังจากที่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้รับคำขอโทษจากบุคลากรที่อยู่ในวันที่เกิดเหตุเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงแค่ ผอ. ที่มาขอโทษตนเท่านั้น สุดท้ายตนอยากจะบอก กับดวงวิญญาณของคุณพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรลูกแล้ว เพราะตอนนี้ก็กำลังทำตามความฝันของพ่อ ที่พ่อเคยบอกว่าอยากให้ตนเรียนวิศวกรอยู่

274529

 

ต่อมาที่วัดบ้านกุดตาดำ ต.ทัพรั้ง งานศพของ น้องบอย ผู้เสียชีวิต รายล่าสุด คุณชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้เดินทางร่วมงานพร้อมกับญาติของผู้เสียหายอีก 2 เคส ได้เผยกับทีมข่าวว่า ล่าสุดตอนนี้ที่มีผู้เสียหายมีการติดต่อมาที่ตน มีประมาณ 10 กว่าเคสเเล้ว แต่ที่พร้อมจะเดินทางไปร้องเรียนกับตน ที่กระทรวงสาธารณสุขมีประมาณ 4-5 เคสเท่านั้น โดยทุกเคสเป็นเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจาก การวินิจฉัยโรคหรือกระบวนการรักษาที่ผิดพลาดของโรงพยาบาลพระทองคำ

ซึ่งจากการที่ตนนั่งพูดคุย สอบถามข้อมูลจากญาติของผู้เสียชีวิตพบว่า อาการบาดเจ็บเบื้องต้น ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยไม่น่าจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตทุกคนรู้สึกคาใจ เเต่ไม่รู้จะร้องเรียนทางไหน ซึ่งตนมั่นใจว่าหลังจากที่มีข่าวออกไป น่าจะมีอีกหลายเคสที่ต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมคืน เเละน่าจะมีมากกว่า 10 ราย

วันนี้ตนได้ท่านธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะพาผู้เสียหายเข้าไปร้องที่กระทรวงสาธารณสุข โดยจะให้ตรวจสอบในเรื่องของขั้นตอนการรักษา เเละการบริหารงานที่ผิดพลาดของ รพ.

ซึ่งตนมองว่า ไม่ได้มีความผิดเเค่ผู้บริหารที่บริหารงานไม่รัดกุมเพียงผู้เดียว แต่เป็นเพราะบุคลากรในโรงพยาบาลด้วย ซึ่งเท่าที่ตนทราบมาบุคลากรในโรงพยาบาลนี้ ไม่มีความใส่ใจที่จะดูแลรักษาอาการของผู้ป่วยเท่าที่ควร ชาวบ้านไม่มีปากเสียง ไม่สามารถพูดอะไรกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ อย่าทำเหมือนเขาเป็นผักปลาต้องมาฝากชีวิตไว้ เขาไม่ได้เป็นเเค่ชาวบ้านเขาคือประชาชน ไม่ใช่ว่ากินเงินเดือนไปวันๆ ไม่ต้องรักษาก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม นี่คือภาษีประชาชน ถ้าไม่พร้อมที่จะดูแลประชาชนก็ให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาดูแลดีกว่า

ซึ่งตนมองว่า ตอนนี้หน่วยงานรัฐต้องบูรณาการ รพ. แห่งนี้ใหม่ทั้งระบบ เเละทาง รพ. ก็ต้องออกมาชี้เเจงเเละรับผิดชอบ รวมถึงหมอที่เป็นเจ้าของเคสยิ่งต้องเป็นคนรับผิดชอบสูงสุด ไม่ใช่เเค่เฉพาะ รพ. นี้ เเต่ รพ. ทั่วประเทศจะต้องนำเคสนี้ มาเป็นบทเรียนนี้เพื่อแก้ไขเเละปรับปรุงบริการ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม