ทนายตั้ม ขอโทษประชาชนทำภารกิจไม่สำเร็จ หลัง บิ๊กต่อ หวนคืนเก้าอี้ ผบ.ตร.

20 มิ.ย. 67

 

ทนายตั้ม ขอโทษประชาชนทำภารกิจไม่สำเร็จ หลัง บิ๊กต่อ หวนคืนเก้าอี้ ผบ.ตร. แฉดีลใหญ่ มีคนเสนอขอให้เลิกตรวจสอบบิ๊กตำรวจ แลกกับการดูแล 

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่โรงแรมบางอกมิดทาวน์ นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แถลงภายหลังนาย วิษณุ เครืองาม  ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินเรื่องราวว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพื่อจะได้แก้ไข ต่อไปในอนาคตได้ โดยให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ คัมแบ็ก ตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามเดิม ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รอไปก่อน โดยผลสอบชี้ชัดมีความขัดแย้งรุนแรงเกือบ 10 ปีนั้นว่า 

ตนได้ฟังนายวิษณุ แถลงเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนในฐานะที่มีการดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเครือข่าย วันนี้จึงนัดสื่อมวลชนมาฟังความเห็นของตน หลังจากที่นายวิษณุแถลง ซึ่งทราบว่าจะมีคำสั่งให้ทา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาเป็น ผบ.ตร. ตอนนี้ประเทศไทยของเรา ตนคิดว่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี ผบ.ตร. ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน กลับมาทำหน้าที่ตรงนี้ 

นาย ษิทรา กล่าวต่อว่า ไม่รู้ว่าเรื่องการแจ้งความไปจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนกล้าที่จะดำเนินการต่อหรือไม่ ก่อนหน้านี้มีดีลหลายดีลวมาก ที่พยายามจะติดต่อมาที่ตนว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะได้กลับทั้งคู่ ส่วนตนจะได้รับการดูแล ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเป็นการให้เงินให้ทอง แต่ตนบอกว่าเรื่องนี้ ตนทำในฐานะทนายประชาชน และไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แม้ว่าเราจะสนิทกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ไปตามถูก จะมาซูเอี๋ย หรือวินๆ ไม่เห็นหัวประชาชน ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง จึงปฏิเสธไป 

ก่อนหน้านี้ตนได้ไปแจ้งความที่ สน.เตาปูน คณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการตำรวจ ปปป. ให้ตรวจสอบทั้งเครือข่าย ซึ่ง 3 หน่วยงานนี้ไม่มีการขยับไอะไรเท่าที่ควร ส่วนคณะกรรมการของนายกฯก็เชิญตนไปให้ข้อมูล 3-4 ครั้ง เพื่อยื่นหลักฐานต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสายลับที่เป็นคนเก็บเงินจาก 18 ธุรกิจที่ส่งไปจนถึงบัญชีบิ๊กตำรวจใช้ ทุกคนเหล่านี้ล้วนแต่เสียสละ เสี่ยงตาย ตนมีครอบครัว มีลูกและคิดว่าครั้งนี้ขอทำ เพื่อประเทศชาติสักครั้ง คนที่จ่ายเงินเว็บก็มาเป็นพยานให้ สเตทเม้นท์อะไร เราก็พยายามทำให้เห็นว่าคนมีอำนาจระดับสูงคนนี้รับส่วยจริง 

นาย ษิทรา กล่าวอีกว่า ตนพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ประชาชนคนหนึ่งสามารถทำได้ แต่ปรากฏว่าวันนี้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็ได้กลับมา นอกจากว่าตนจะมาระบายความอัดอั้นแล้ว ก็อยากมาขอโทษประชาชนด้วย เพราะรู้ว่าทุกคนหวังกับเรื่องนี้มาก อยากให้ประเทศไทยมีบรรทัดฐาน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก ไม่ว่าตัวเองจะนามสกุลมาจากไหน ตนขอโทษประชาชนด้วยที่ทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ หลังจากนี้ตนก็คงจะต้องทำต่อไป ในฐานะคนๆ หนึ่งที่ทำได้ต่อไปคือ การไปตามคดี ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนจะทำให้ดีที่สุด 

ส่วน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการราชการแทนผบ.ตร. ผิดเต็มๆ ในการที่ไปให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน การที่ให้ออกจากราชการโดยที่ไม่ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย อนาคต พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องเป็นผู้ต้องหาแน่นอน และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะใครก็รู้นิสัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ดีว่าใครทำเขาไว้ เขาคืนแน่นอน และเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ 

นาย ษิทรา กล่าวว่า ส่วนตนที่ออกมาแฉก็กังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย ไปไหนมาไหนก็ระวังตัวตลอดเวลา และยิ่งถ้า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับมา ก็ต้องระวังตัวยิ่งขึ้น เพราะเขาจะมีอำนาจในการสั่งการตำรวจทั่วประเทศ 

ตนทราบว่าประชาชนทั่วประเทศฝากความหวังไว้กับตน ในเรื่องนี้ที่จะให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน แต่วันนี้ผลสอบของคณะกรรมการฯที่นายกฯตั้งขึ้น ออกมาแล้ว ตนซึ่งเป็นความหวังประชาชน ทำให้ไม่สำเร็จ ตนอยากกลับขอโทษประชาชนจากใจจริง 

จากนั้นทนายษิทราได้ยกมือขึ้นไหว้ขอโทษประชาชน พร้อมกับระบุว่า เสียใจในสิ่งที่เราทุ่มเท และเสียความรู้สึกตลอดเวลา ท้อมาตลอดเพราะเวลาไปก็เจอตอ แต่ตนบอกว่าตนท้อแต่ก็ไม่ถอย ก็ทำต่อไป วันนี้เมื่อผลออกมาแบบนี้ก็รู้สึกเจ็บ แต่เราก็ต้องทำต่อไป เพราะรู้แล้วว่ากฎหมายบ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ คนมีอำนาจดีลกันรู้เรื่องทุกอย่างก็จบ รีเซ็ทศูนย์ใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าจะมาดูแลทนายตั้ม ตนก็เข้าใจว่าเป็นการให้เงิ นแต่ตนก็ไม่รับ และไม่รู้ว่าเขาจะจ่าย ให้อะไรยังไงเท่าไหร่ ตอนนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาเป็น ผบ.ตร. แบบเท่ๆแล้ว โดยมีคณะกรรมการของนายกฯช่วยฟอกตัวให้ เพราะคณะกรรมการฯรู้แล้วว่ามีการทะเลาะกันจริง ทั้งเรื่องกำนันนก และเรื่องเป้รักผู้การ แต่กลับบอกให้ต่างคนต่างแยกย้าย ไม่บอกว่ามีใครผิดใครถูก ประชาชนอย่างเดียวที่ผิดที่เกิดมาในประเทศนี้ 

นาย ษิทรา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้ออกมาทำเพื่อ พล.ต.อ.สุรเชษบ์ แต่ต้องการทำให้เกิดบรรทัดฐานขึ้นว่าคนที่ทำผิด และเกี่ยวกับการฟอกเงินมาดำรงตำแหน่งใหญ่ อนาคตจะไปไล่จับเว็บพนันอะไรต่างๆ นั้นจะจับอย่างไร ที่ออกมาพูดทั้งหมดไม่ใช่การใส่ร้าย แต่มีหลักฐานทั้งหมด และเชื่อว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะไม่กล้าฟ้องตน เพราะไม่งั้นตนจะสามารถเรียกสเตทเม้นท์ได้ทั้งสามีและภรรยา 

อย่างไรก็ตามตนกังวลว่าจะถูกเช็กบิล ตั้งแต่ดำเนินคดีและเมื่อเขากลับมามีอำนาจ ตนก็กังวลว่าเป็นจะเป็นคนแรกที่ถูกเช็กบิล แต่ก็ยอมสู้ ตายเป็นตาย ไม่เขาก็ตน ซึ่งตนจะดำเนินทุกคดีทุกอย่าง ไม่มีการกลั่นแกล้ งตนทำตามพยานหลักฐานที่ไปขนขวายหามาเอง และยืนยันว่ามีการเตรียมมาก่อนหน้านี้ พยายามให้ตนหยุด และบอกว่าจะดูแลให้ ซึ่งเรื่องนี้ตนต้องการพิสูจน์ตัวเองให้กับประชาชน จึงไม่รับเงิน และไม่รับเคลียร์อะไรทั้งสิ้น 

นาย ษิทรา กล่าวอีกว่า รวมถึงมีขบวนการสกัดกั้นพยายามให้ตนเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง แต่ตนคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่วาสนาด้วย หากตนเป็นได้แค่ประชาชน เป็นทนายประชาชนธรรมดา ไม่สามารถเข้าไปในสภาฯทำได้มากกว่านี้ ก็เป็นเรื่องของบุญของกรรม หรือเรื่องของวาสนา เพราะถ้ามีโอกาสได้เข้าไปก็อาจทำอะไรได้มากกว่าทุกวันนี้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส