ทนายพัฒน์ ชี้ จูน เพ็ญชุลี แพ้คดี เมียที่ใช้เงินผัว ติดคุกทั้งประเทศแน่

10 มิ.ย. 67

 

ทนายพัฒน์ ชี้ จูน เพ็ญชุลี แพ้คดี เมียที่ใช้เงินผัว ติดคุกทั้งประเทศแน่ ย้ำผมจะดูแลพี่เอง วันหนึ่งอุปสรรคมันต้องผ่านไปให้ได้ หันหลังมายังมีผมเสมอ 

วันที่ 10 มิ.ย. 67 นาย อนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายพัฒน์ เจ้าของฉายาทนายเมียหลวง และเป็นทนายความของ จูน เพ็ญชุลี ภรรยาของ หนุ่ม กะลา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “ถ้า จูน เพ็ญชุลี ต้องมาติดคุก เพราะคดีแค่นี้ บรรดาเมียๆ ที่ใช้เงินผัว ติดคุกกันทั้งประเทศ ผมบอกเลย” #หลักกฎหมายอาญาเรื่องเจตนาจะมีไว้ทำไม?” 

นอกจากนี้ ทนายพัฒน์ ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติมอีกว่า “ผมได้ยินข่าวว่ามีคนจะเอาจูนติดคุก ถ้าไม่ใช่จูนแล้วเป็นคนอื่นล่ะ ก็ไม่แน่นะครับ #ตอบตรงๆ ไม่เคยกลัว” พร้อมย้ำว่า “ผมจะดูแลพี่เอง ไว้ใจผม ผมเชื่อว่าวันหนึ่งอุปสรรคมันต้องผ่านไปให้ได้ ถ้าไม่มีใครยืนข้างพี่ จำไว้ว่า หันหลังมามีผมเสมอครับ” 

อย่างไรก็ตาม ทนายพัฒน์ ยังได้โพสต์เผยถึงข้อกฎหมาย “กฎหมายประเทศไทยได้บัญญัติเหตุหย่าไว้ชัดเจนว่า หากจะหย่ากันจะต้องมีเหตุตามกฎหมายที่ชัดเจนด้วย” คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1516 บัญญัติไว้ว่า “เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้ 

(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง

(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ

(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ 

(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(4/1) 2 สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(4/2) 3 สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(5) 4 สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ 

(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ 

 

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊กเพจทนายพัฒน์ ปรึกษาฟรี.0878133012

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส