หากินกับศพ หนุ่มโพสต์แอบอ้างเปิดรับบริจาคช่วยเหยื่อถูกฆ่าตัดแขน

หากินกับคนตาย หนุ่มกู้ภัยโพสต์แอบอ้างเปิดรับบริจาค ช่วยเหยื่อถูกฆ่าตัดแขน คนหลงเชื่อโอนจำนวนมาก ทนายไพศาลและครอบครัวยืนยันไม่มีเปิดรับบริจาค

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมครอบครัว น้องหมิง เหยื่อที่ถูกนายแซนฆ่าตัดมือหมกศพข้างทาง เดินทางมาติดต่อทำเรื่องเอกสารรับศพที่สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต

เบื้องต้นจะมาตรวจสอบเรื่องเอกสารการเสียชีวิตและสอบถามในเรื่องของมีตำรวจนายหนึ่งแ ต่ไม่ยืนยันว่าเป็นตำรวจของสภ.ปากคลองรังสิตหรือไม่ ที่ติดต่อมาทางครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังไปออกรายการหนึ่งว่าทำไมถึงไม่เข้ามาติดตามส่วนของคดีกับตำรวจโดยใช้คำพูดว่า “ไม่มีสมองหรือยังไง”

จากนั้นจะนำเอกสารการเสียชีวิตไปติดต่อขอรับศพที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อไปสอบถามในเรื่องของสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนจะไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่จุดทิ้งศพก่อนจะนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์

ทีมข่าวตรวจสอบไปที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า "ญาติเคสผู้หญิงผู้หญิงอายุ 18 ถูกแฟนฆ่าตัดสองข้างญาติติดต่อมาแล้ว ที่บ้านไม่มีเงินรับศพจากปทุมไปอุตรดิตถ์โครงการเตรียมช่วยเหลือ" ทำให้มีคนใจบุญและเห็นใจครอบครัวดังกล่าว โอนเงินไปช่วยเหลือจำนวนมาก

ทางทนายไพศาลและครอบครัวผู้เสียชีวิตยืนยันว่าไม่มีการเปิดรับบริจาคใดๆทั้งสิ้น ซึ่งการจัดการในเรื่องของศพตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันส่งศพกลับจังหวัดอุตรดิตถ์มูลนิธิร่วมกตัญญูจะเป็นคนดำเนินการให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

พร้อมยืนยันว่าไม่มีการรับเงินไกลเกลี่ยที่มีบุคคลปริศนาพยายามติดต่อมาขอไกล่เกลี่ยในเรื่องของคดีเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท

ส่วนที่ทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุอ้างว่าผู้ก่อเหตุอายุ 18 และจะได้รับโทษเพียงครึ่งนึง เพราะเป็นผู้ป่วยจิตเวชนั้น ทางทนายไพศาลเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อรูปคดีเพราะหากป่วยจิตเวชจริงต้องถึงขนาดกินขี้ได้ และศาลจะพิจารณาพยานหลักฐานก่อนเกิดเหตุเท่านั้นซึ่งผู้ก่อเหตุใช้ชีวิตตามปกติ และข้อหาฆ่าคนตายเป็นข้อหาที่เบาไป เพราะจากพยานหลักฐานคดีนี้ต้องเป็นข้อหาฆ่าโดยทรมานซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต

นอกจากนี้ทนายไพศาลจะขอดูหลักฐานในโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตด้วยเนื่องจากมีกระแสข่าวว่าผู้เสียชีวิต ทำร้ายผู้ก่อเหตุก่อนจึงถูกฆ่า ซึ่งทนายเชื่อว่าหลักฐานในมือถือจะชัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้ตายนั้นเป็นคนดีและคอยดูแลช่วยเหลือผู้ก่อเหตุมาโดยตลอด.