ศาลฎีกา ตัดสิน คดี กปปส.ล้มเลือกตั้ง รอลงอาญา 2 ปี สนธิญาณ ส่วนคนอื่นยกฟ้อง

28 พ.ค. 67

ศาลฎีกา สั่งรอลงอาญา 2 ปี สนธิญาณ อดีตแกนนำ กปปส. พร้อมเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี คดีล้มการเลือกตั้ง ส่วนคนอื่นยกฟ้อง 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ค. 67 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นาย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. กับพวก พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 

คดี กปปส. ล้มการเลือกตั้ง หมายเลขดำ อ.1911/57 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นาย สนธิญาณ, นายสกลธี ภัททิยกุล อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง และนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับในความผิดฐาน "ร่วมกันเป็นกบฏ  มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป  ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ กรณีจำเลยกับพวกได้ก่อความไม่สงบระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 56 ถึงวันที่ 1 พ.ค. 57 ที่ห้องพิจารณา 609 อยูระหว่างการพิจารณาของศาล 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 62 เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยทั้งสี่ได้ พิพากษายกฟ้อง ต่อมาอัยการโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ด้วย 

ต่อมา ศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้เป็นว่า นายสนธิญาณ ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.เเละ สว. กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่เเก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น 

สำหรับวันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกา จำเลยที่ 1 นายสนธิญาณ โดยศาลฎีกาพิพากษาเเก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นายสนธิญาณ 8 เดือน เเต่พิจารณาเเล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อนประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ เเต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 3 คน ศาลยกฟ้อง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส