จตุพร เชื่อ 29 พ.ค. ชี้ชะตาจุดเปลี่ยนบ้านเมือง ความพินาศฉิบหายกำลังมา

17 พ.ค. 67

 

จตุพร เชื่อ 29 พ.ค. ชี้ชะตาจุดเปลี่ยนบ้านเมือง ผลลัพธ์ออกทางไหน นำสู่ความพินาศฉิบหายได้ทั้งสิ้น เย้ยดีลไฟเขียว ทำบางคนเหลิงอำนาจ 

วันที่ 17 พ.ค. 67 นาย จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ดีลนำ ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านได้ทำให้กลุ่มคนบางฝ่ายทำตัวเหลิง มีพฤติกรรมเหิมเกริม แสดงอำนาจยิ่งใหญ่ ทำลายกระบวนการยุติธรรมย่อยยับ ได้ส่งผลให้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่แบบสุ่มเสี่ยง และใกล้ถูกล้มกระดาน ซึ่ง 29 พ.ค.นี้ คงจะเป็นวันชี้ชะตา 

อีกทั้งความตายของ น.ส.เนติพร เสนห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง นักกิจกรรมเรียกร้องสิทธิความเป็นมนุษย์เท่ากัน ไม่น่าจบชีวิตลงด้วยการอดอาหาร ย่อมเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้อารมณ์สังคมเดือดพลุ่งพล่านขึ้น เพราะกระบวนการรักษาของ รพ.ราชทัณฑ์เป็นไปอย่างไม่เท่าเทียมหรือไม่ถึงครึ่งกับการปฏิบัติต่อนายทักษิณ ดังนั้นพฤติกรรมสองมาตรฐาน และการเลือกปฎิบัติเช่นนี้ สังคมยิ่งกระอักกระอ่วนกับการทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมได้ชัดเจนขึ้น 

นาย จตุพร กล่าวต่อว่า ถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจจริง กับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองแล้ว ระหว่างการศึกษาออกกฎหมายนิรโทษกรรมอยู่นั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ควรหารือกับประธานศาลฎีกา และประธานรัฐสภา เพื่อชะลอการฟ้องร้อง และให้ประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาคดีทางการเมืองไว้ก่อน ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการทำหน้าที่ตามบทบาทของแต่ละองค์กรมากกว่า 

"วันนี้ไม่เห็นความกล้าหาญใดทั้งสิ้นจากนักการเมือง สิ่งที่พูดมา ปล่อยตัวผู้ต้องหาคดี ม.112 ช่วงหาเสียงเป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงเท่านั้น เพราะเมื่อได้เป็นรัฐบาลไม่เกิดผลในทางปฏิบัติเลย ดังนั้นจึงเป็นแค่เอาแต่พูดและอ้างเหตุสารพัดไปวันๆ" 

นายจตุพร ประเมินว่า วันที่ 29 พ.ค. นี้ จะเป็นจุดชี้ชะตาสถานการณ์การเมืองในอนาคต เพราะอัยการนัดนายทักษิณไปฟังคำสั่งจะฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ม.112 โดยมีทางเหลือเป็นไปได้หลายทาง แต่ทุกทางมีผลลัพธ์จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนทางการเมืองได้ทั้งสิ้น 

"วันที่ 29 พ.ค.นี้จะเป็นคำตอบทุกอย่าง ถ้าสั่งฟ้องตามแนวปฏิบัติของอัยการสูงสุดคนเดิม แล้วนำตัวทักษิณ ไปคุมขังจะเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง ส่วนอีกทางเลือกสั่งไม่ฟ้อง คือ ปล่อยตัว แต่อย่าเหลิงเพราะทางเลือกนี้เป็นการวางแผนยึดอำนาจล้มกระดานนักการเมือง ถึงที่สุดผลของสถานการณ์ 29 พ.ค.นี้จะออกรูปแบบไหนก็ตาม ย่อมเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ" 

นาย จตุพร กล่าวอีกว่า ทุกฝ่ายเชื่อว่าสถานการณ์ครั้งนี้มีความผิดปกติไปหมด ส่วนคนเหลิงเป็นสาเหตุน่าจะรู้ตัวดี แต่ยังมีความพยายามเดินไปสู่สิ่งนี้กันอยู่ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาความพินาศมาเยื่อนคงได้รู้กันสักทีว่า จะได้ไฟเขียวหรือหน้าเขียวกันแน่ เพราะความเสียหายเกินกว่าที่ทุกฝ่ายจะรับกันได้  

ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองมาไกลเกินกว่าความเชื่อว่า การล้มกระดานจะไม่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งคิดผิดถนัด ดังนั้นความฉิบหายย่อมอยู่เหนือความคาดหมาย เพราะดีลกลับบ้านไม่ได้เป็นไปตามทำนองคลองธรรม เมื่อถึงเวลาไปก็ไม่มีทำนองคลองธรรมเช่นกัน 

"ทำนองคลองธรรมมีความหายนะตั้งแต่ตอนมาแล้ว ตอนไปจึงไม่เหลือ ดังนั้นถ้าไม่สนใจอะไรเลย ให้เหิมเกริมกันได้เต็มที่ หาความสำราญกันตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำ เมื่อกระบวนการยุติธรรมก็ย่อยยับ ข้าวพัง เศรษฐกิจพัง เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ คาสิโนก็มา สังคมก็ไป แลนด์บริดจ์ก็จะทำแผ่นดินหาย มันจึงไม่เหลืออะไร"

อีกทั้งเชื่อว่า คงอีกไม่กี่วันแล้ว สถานการณ์ได้ใกล้เข้ามาเต็มที ดังนั้นถ้าคิดว่ายิ่งใหญ่จริง มีไฟเขียวแล้วก็ให้หาความสำราญกัน และตะลอนหาเรื่องเพิ่มมาอีกได้ตามสบาย แล้วความพินาศจะมาเยื่อนเร็วขึ้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส