ญาติเชื่อ นายจ้างไต้หวันลวงฆ่าชิงทอง 5 บาท แฟนหนุ่มเล่าตายตาไม่หลับ

13 พ.ค. 67

 

ญาติเชื่อ นายจ้างไต้หวันลวงขึ้นเขาฆ่าชิงทอง 5 บาท แฟนหนุ่มเล่าตายตาไม่หลับ คาดห่วงลูก ขณะที่แม่เตรียมบินไปฌาปนกิจศพ 

จากกรณี น.ส.สุดธิดา แสนแสง หรือ แวว อายุ 32 ปี ชาวอุดรธานี เดินทางไปทำงานที่ไต้หวันแบบหลบหนีเข้าเมือง 1 ปี และถูกทำร้ายเสียชีวิต บนภูเขาในพื้นที่เมืองจีหลง ประเทศไต้หวัน โดยก่อนเสียชีวิตได้ววิดีโอคอลหาแม่และป้าว่าโดนนายจ้างใช้งานหนัก 

โดยนายจ้างชวนไปเก็บผักบนภูเขาในเวลากลางคืนวันที่ 10 พ.ค. 67 พร้อมกับบอกแฟนว่ากลัว และส่งพิกัดให้แฟนหนุ่มว่าอยู่ตรงจุดไหน กระทั่งขาดการติดต่อ และแฟนหนุ่มเป็นคนแจ้งเบาะแสให้ตำรวจหาศพจนพบในเช้าวันที่ 11 พ.ค. 67 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 พ.ค. 67 ที่จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านของน.ส.สุดธิดา แสนแสง หรือแวว ผู้เสียชีวิต เพื่อสอบถามเรื่องรู้หรือยังว่าตำรวจไต้หวันได้จับนายจ้างผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนลวง น.ส.สุดธิดาไปฆ่า และได้รับการประกันตัวแล้วนั้น 

ซึ่งนางดวงพร ช่างเหล็ก อายุ 59 ปี ส.อบต.ตาดทอง และเป็นป้าผู้ตาย เล่าว่า สถานกงศุลไทยโทรมาแจ้งว่าตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เป็นนายจ้างตอนนี้ควบคุมตัวอยู่สถานีตำรวจ โดยตนไม่อยากให้เขาได้รับการประกันตัว เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม 

ส่วนช่วงเช้าวันนี้นางผ่องอำไพ แม่ผู้ตายได้เดินทางไปทำหนังสือเดินทาง เพื่อจะเดินทางไปทำพิธีฌาปนกิจศพลูกที่ไต้หวัน ซึ่งความรู้สึกจริงๆ อยากได้ร่างกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านมากกว่า แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ต้องส่งแม่ผู้ตายไปทำพิธีฌาปนกิจ และนำอัฐิกลับมาบ้าน 

นางดวงพร เล่าต่อว่า น.ส.สุดธิดาเดินทางไปทำงานนวดแผนโบราณที่ไต้หวันตามคำชักชวนของพี่สาว ซึ่งทำงานนวดแผนโบราณก่อนแล้ว โดยจะส่งเงินมาเลี้ยงดูลูกและซื้อทองเก็บสะสมไว้ 5 บาท จะนำกลับมาขายที่เมืองไทย หลังทำงานนวดได้ 1 ปีผู้ตายก็เปลี่ยนงานเป็นแม่บ้าน 3 วัน ซึ่งนายจ้างได้ค้นกระเป๋าของผู้ตายคงจะพบทอง 5 บาท และไอโฟนที่ซื้อไว้ฝากลูก เชื่อว่านายจ้างลวงไปฆ่าชิงทรัพย์ เพราะก่อนเสียชีวิตผู้ตายโทรมาบอกป้าว่า นายจ้างชวนไปเก็บผักบนภูเขา ซึ่งตนก็ได้บ่นว่าจะขึ้นไปเก็บผักทำไมตอนกลางคืน 

“จากนั้นผู้ตายก็ได้ติดต่อกับแฟนหนุ่ม ซึ่งเดินทางไปทำงานไต้หวันได้ 4 ปี บอกว่ากลัวมาก นายจ้างพาไปเก็บผักบนภูเขา แฟนหนุ่มจึงบอกให้ปักหมุดไว้ และจะไปรับกลับ ต่อมาก็ติดต่อผู้ตายไม่ได้ แฟนจึงไปแจ้งตำรวจและบอกพิกัดที่ผู้ตายหายไป ค้นหาจนพบศพ ซึ่งแฟนหนุ่มเสียใจมาก แฟนเป็นพยานคนเดียวในคดีนี้ และอยู่ในความดูแลของตำรวจ และอยากปิดคดีนี้ให้ได้ จึงไม่อยากเปิดเผยตัวเอง เพราะเกรงอันตราย หลานเป็นเสาหลักครอบครัว ลูกเขาถามหาแม่ทุกวัน ถามว่าทำไมแม่ไม่เรียกหาผ่านกล้องวงจรปิด” 

นางทองตวย ทับธานี อายุ 62 ปี ป้าของผู้ตาย กล่าวว่า น.ส.สุดธิดาเป็นคนนิสัยดี เรียกป้าทุกคนว่าแม่ เพราะว่าป้าทุกคนได้เลี้ยงผู้ตาย พอผู้ตายมีลูกก็ได้เลี้ยงลูกให้ผู้ตาย ซึ่งผู้ตายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูก ทั้งนี้แฟนหนุ่มเล่าว่าได้เข้าไปอุ้ม น.ส.สุดธิดาออกมา ตายตาไม่หลับ คงจะทรมานมาก รู้สึกเสียใจมากที่เสียหลานสาวไป อยากจะบอกผู้ตายว่าไม่ต้องห่วงจะดูแล และจะช่วยกันเลี้ยงหลาน”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส