ตา 90 ปี ทองหาย 50 บาท ยันมีทองจริงไม่ได้กุเรื่องไม่ได้ปรักปรำกู้ภัย 

5 พ.ค. 67

คุณตา 90 ปี ทองหาย 50 บาท หลังกู้ภัยเข้าเก็บศพน้องสาว ยันไม่ได้กุเรื่อง ด้านกู้ภัยแจงไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินของคุณตาเลย

 

จากกรณีคุณตาวัย 90 ปี เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางเขน ระบุว่า ทองคำน้ำหนักรวม 50 บาท และนาฬิกาข้อมือเรือนทอง 3 เรือน ที่เก็บไว้ในกล่องเหล็กภายในบ้านหายไป หลังจากที่น้องสาวอายุ 85 ปี เสียชีวิต และได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากนี้ยังได้ให้ช่วยเหลือนำพี่สาวอายุ 92 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ส่งรักษาที่โรงพยาบาลด้วย

วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านหลังเกิดเหตุ ย่านรามอินทรา อีกครั้ง โดยได้ไปพูดคุยกับคุณตาเกียรติ อายุ 90 ปี ระบุว่า หลังจากเกิดเรื่องตัวเองกลุ้มใจจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ และมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพราะเครียดหลายเรื่อง ทั้งเรื่องทองหาย , น้องสาวเสียชีวิต , และพี่สาวต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้นตอนนี้ตัวเองยังต้องอยู่คนเดียวในบ้าน มีปัญหาก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร

1714912640413

ขณะที่คุณตาเกียรติ ยืนยันว่า ภายในบ้านมีทองคำน้ำหนักรวม 50 บาท อยู่จริง และก่อนหน้านี้น้องสาวคนที่เพิ่งเสียชีวิต คือ นางสาวล้วน อัศวกิตติ เป็นคนเก็บไว้ ซึ่งก็จะนำกล่องที่เก็บทอง มาเปิดให้ตัวเองดูอยู่เป็นระยะ โดยทองที่เก็บไว้ มีสร้อยคอน้ำหนัก 10 บาทซึ่งเป็นมรดกของแม่ 1 เส้น , สร้อยคอน้ำหนัก 8 บาทของตัวเอง 1 เส้น , ที่เหลือเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน และต่างหู ของน้องสาวที่เพิ่งเสียชีวิตไป นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาเรือนทองยี่ห้อ Mido ของน้องสาวอีก 3 เรือน

คุณตาเกียรติ บอก ตัวเองไม่ได้ปรักปรำเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้ามาช่วยเหลือ ว่า เป็นคนเอาทรัพย์สินต่างๆเหล่านี้ไป แต่วันที่น้องสาวเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้ามาเก็บศพ รวมถึงมาช่วยพาพี่สาวส่งรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งก็ได้มีการเข้าไปช่วยค้นหาเอกสารประจำตัวของพี่สาวภายในบ้าน โดยค้นหาอยู่นาน จนกระทั่งพบเงินสดจำนวนกว่า 4 หมื่นบาท แล้วได้นำเงินมาให้ตัวเอง ต่อมาตัวเองก็ได้ดึงเงินในก้อนนี้ ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยไป 4 คน คนละ 1,000 บาท แต่มีกู้ภัย 1 ในจำนวนนี้ แบมือขอเงินเพิ่มอีก ซึ่งตัวเองไม่ให้ แล้วบอกไปว่า ไม่มีแล้ว เพราะเงินจำนวนนี้ยังต้องเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก

คุณตาเกียรติ บอกด้วยว่า หลังจากนั้นตัวเองได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดนี้ ช่วยนำร่างของน้องสาวไปฌาปนกิจที่วัดลาดปลาเค้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย ก็พยายามจะเสนอความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพให้ แต่ตัวเองไม่ขอรับไว้ ทั้งยังขอจ่ายเงินค่าดำเนินการจำนวน 5 พันบาทเองด้วย โดยทางวัดลาดปลาเค้าก็ได้ออกเอกสารรายการค่าใช้จ่ายให้

คุณตาเกียรติ บอกว่า ตัวเองกับพี่น้องเป็นคนธรรมะธัมโม ที่ผ่านมาเข้าวัดทำบุญตลอด ไม่เข้าใจ
เหตุใดทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าของหายไปแล้วยากจะได้คืน แต่ความตั้งใจของตัวเองก็คิดว่าจะเก็บทรัพย์สินนี้ไว้ดูแลตัวเอง ดูแลพี่น้อง เพราะเป็นคำสั่งเสียของแม่ ให้ดูแลพี่น้องให้ดี

ด้านเจ้าหน้ากู้ภัย ชี้แจงกับทีมข่าว ระบุว่า หลังจากที่มีการเคลื่อนย้ายพี่สาวของคุณตาเกียรติ ส่งรักษาที่โรงพยาบาลสินแพทย์แล้ว และได้มีการห่อศพน้องสาวมาวางไว้ เพื่อรอนำไปฌาปนกิจในวันรุ่งขึ้น ก็ได้รับการร้องขอจากคุณตา ให้ช่วยหาบัตรประชาชนของพี่สาว หรือ ทะเบียนบ้าน เพื่อนำไปยื่นทำประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาล

โดยตอนนั้นเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่ที่บ้าน 3 คน ก็จึงได้เข้าไปช่วยกันค้นหา ใช้เวลานานมาก แต่ไม่พบเอกสาร แล้วก็ได้พากันจากบ้าน ก่อนที่คุณตาจะยื่นเงินให้คนละ 1,000 บาท ทางกู้ภัยก็พยายามจะคืนให้ แต่คุณตาไม่เอา จึงตกลงกันว่าจะนำเงินไปช่วยทำบุญงานศพน้องสาวของคุณตา ซึ่งคุณตา ก็ยังพูดว่า เงินนี้ให้ก็ส่วนให้ ทำบุญก็ส่วนทำบุญ

ขณะที่ยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนไหน แบมือขอเงินเพิ่มแน่นอน เพราะตอนที่คุณตาให้เงิน ทุกคนก็พยายามขอคืนเงินให้คุณตา แต่คุณตาไม่เอา

เจ้าหน้าที่กู้ภัย บอกด้วยว่า วันรุ่งขึ้น ทางคุณตาได้โทรศัพท์มาหาบอกให้ไปช่วยนำศพไปที่วัด เพื่อฌาปนกิจ ซึ่งทางกู้ภัยก็ได้รีบไป แล้วก็ได้นำเงินที่คุณตาให้มา 3,000 บาท รวมกันเงินส่วนตัว จ่ายค่าจัดการศพ 5,000 กว่าบาท ตามจำนวนที่ปรากฎในเอกสารรับเงินของทางวัด นอกจากนี้ยังได้นำเงินใส่ซองทำบุญงานศพอีก 1 พันบาท ซึ่งคุณตาก็ยังได้ยกซองทำบุญขึ้นจบ แล้วหลังจากนั้นเมื่อเสร็จภารกิจกู้ภัยก็พากันกลับ แล้วก็ไม่ทราบแล้วว่าคุณตามีการจ่ายเงินอะไรให้กับทางวัดเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่กู้ภัย ยอมรับว่า พอเกิดเรื่องแบบนี้ ก็รู้สึกเสียใจ เพราะคิดกลับกัน หากคุณตามีการประสานขอความช่วยเหลือ แต่กู้ภัยไม่เข้าไปช่วยเหลือ ก็ต้องถูกตำหนิจากสังคมอีกว่า “ ทิ้งศพ ไม่ดูแลคนแก่ ” ส่วนถ้าไปเรียกรับเงิน ก็มีความผิดและสร้างความเสื่อมเสียต่อองค์กรที่ทำงานอยู่อีก

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่า กู้ภัยทุกคนพยายามช่วยเหลืออย่างดีที่สุด ทั้งยังช่วยอนุเคราะห์ค่าทำศพให้ด้วย แต่ก็ยังถูกครหาต่างๆนาๆ ซึ่งก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และอยากให้เรื่องนี้จบลง เพราะข้อเท็จจริง คือ ไม่มีใครทราบแน่ชัด ว่า คุณตามีทองอยู่จริงหรือไม่

เจ้าหน้าที่กู้ภัย บอกว่า ทีมงานทั้งหมดได้เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.บางเขน ไปหมดแล้ว หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนหาความจริง แต่ทางทีมงานกู้ภัย ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินของคุณตา และเพียงเข้าไปช่วยค้นหาเอกสารเท่านั้น.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส