บิ๊กโจ๊ก ยืนยัน คนปลดป้ายชื่อไม่ใช่ฝีมือลูกน้อง แค่สั่งให้เก็บของคืนหลวงเท่านั้น ส่วนเรื่องสว.นั้นมีคนขอให้ลงสมัคร แต่ขอคิดดูก่อน
(28 เม.ย.67) ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ ได้มีการจัดงานสืบสานประเพณีสงกรานต์รดน้ำขอพรผู้สูงอายุประจำปี 2567 โดยในงานมีผู้สูงอายุเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ เป็นประธานกล่าวรายงาน และมีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก เป็นประธานในพิธี
ในงานจมีพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นมีพิธีรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ และ ถวายภัตตาหารเพล ก่อนที่ บิ๊กโจ๊ก นายกสมาคมฯกล่าวอวยพรผู้ที่มาร่วมงานและร่วมรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ
จากนั้นบิ๊กโจ๊ก ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระบุว่าในฐานะที่ตนเองเป็นนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ เรายกย่องเทิดทูนเกียรติของคนรุ่นเก่าๆที่เขาทำความดีให้กับชาวใต้ จึงจัดงานนี้จัดเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติให้ท่านเหล่านี้มีกำลังใจ
ส่วนหลายคนที่อยากมาให้กำลังใจตนนั้น ตนเองก็ฝากไปถึงพี่น้องชาวใต้ว่า ไม่ต้องกังวล ยังไม่ต้องมา วันนี้มีกำลังใจดี แค่ท่านส่งเสียงมา แค่ท่านโทรศัพท์มา หรือโพสต์ Facebook และให้กำลังใจทางออนไลน์ต่างๆก็ล้นหลามแล้ว ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่ได้เสียกำลังใจ ตนกำลังทำหน้าที่เพื่อประชาชนทั้งแผ่นดินและเพื่อคนใต้ของเรา แต่สิ่งที่ตนเสียดายคือในห้วงที่ตนยังไม่ได้ทำหน้าที่ตำรวจ ในขณะนี้ยังมีงานอีกเยอะแยะที่ประชาชนรอคอย เช่น หนี้นอกระบบ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ งานที่ตนเคยรับผิดชอบอยู่และทำให้พี่น้องประชาชนทั้งแผ่นดิน และฝากถึงพี่น้องชาวภาคอีสานหลายท่านที่ติดต่อตนมาว่าเรื่องหนี้นอกระบบที่ไม่คืบหน้า บอกให้ท่านรออีกหน่อย ถ้าตนได้มีโอกาสกลับไปทำ ตนจะทำเหมือนเดิม
พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้ใช้ประชาชนมาเป็นเกราะป้องกัน เพราะว่าประชาชนไม่มีใครเขาโง่ ขนาดตนอยู่อย่างนี้ ประชาชนยังมาร้องเรียนที่ตน เราจะไม่ใช้ม็อบใช้มวลชน ฝากบอกพี่น้องชาวใต้ว่าท่านไม่ต้องขึ้นมา อยู่บ้านให้กำลังใจตนก็พอแล้ว ตนรู้ว่าพวกเราพี่น้องชาวใต้เราไม่ชอบความอยุติธรรม เราอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
ส่วนเรื่องที่บอกว่าคนที่ปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงาน เป็นฝีมือลูกน้องของตนนั้น ตนต้องเรียนนิดหนึ่งว่า ตนมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อวันพฤหัสบดี ตนก็เลยสั่งให้ลูกน้องขนของคืนหลวงให้หมด แต่ตนยืนยันไม่ได้สั่งให้ปลดป้าย และปลดชื่อจากเว็บไซต์ ลูกน้องตนมีหน้าที่แค่เก็บของในสำนักงานเท่านั้น แต่เรื่องป้ายต่างๆไม่ใช่ฝีมือลูกน้องตน ใครทำก็ต้องได้รับผลกระทำ
ส่วนเรื่องลงสมัคร สว. นั้น ก็ยอมรับว่ามีประชาชนหลายคน อยากให้ตนลงสมัคร ซึ่งตนกำลังดูอยู่ แต่ก็ไม่ทิ้งงานตำรวจ เพราะอยากจะช่วยเหลือประชาชน ยืนยันไม่ต้องการอยากได้อำนาจ แต่อยากทำงานเพื่อนประชาชน เพราะเรายังมีพลังอยู่มากมาย เพื่อที่จะทำงานให้ประชาชน ส่วนเรื่องการต่อสู้ทางคดีก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม.
