พม. ขออภัยกระทรวงสื่อสาร เงื่อนไขครอบครัวอุปถัมภ์ดูแลผู้สูงอายุคลาดเคลื่อน

23 เม.ย. 67

 

รมว.พม. ขออภัย กระทรวงสื่อสารคลาดเคลื่อน เงื่อนไขครอบครัวอุปถัมภ์ดูแลผู้สูงอายุ เผย 29 เม.ย.นี้ เตรียมเป็นตัวแทนไปประชุม UN นำเสนอสมุดปกขาว 

วันที่ 23 เม.ย. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ตนจะเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ 

ซึ่งสิ่งที่ตนจะนำเสนอคือ รายงานสมุดปกขาว และแผนการรับมือเรื่องนี้ของประเทศไทย ที่ได้จากการทำเวิร์คช็อป เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา 

โดยการเดินทางในครั้งนี้ นอกจากเป็นตัวแทนประเทศไทยแล้ว ตนจะยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศในภูมิภาคเอเชียกว่า 70 ประเทศ รวมถึงเอเซียกลางด้วย ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีโอกาสเป็นตัวแทนภูมิภาค เข้าร่วมการประชุมที่มีความสำคัญต่ออนาคตของโลก 

อีกทั้งการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 57 ครบรอบ 30 ปีของการประชุมครั้งแรกที่ประเทศอียิปต์ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาร่วมกับอีกหลายประเทศ ซึ่งตนก็จะเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมเสวนาด้วย 

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเกิดความเข้าใจผิดในเงื่อนไขสำคัญในการพิจารณาเงินครอบครัวอุปถัมภ์สำหรับการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุยากจน ซึ่งไม่ได้ให้ทุกคนนั้น ตนต้องขออภัยหากการให้ข่าวก่อนหน้านี้ของ กระทรวง พม. จากอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความสับสนเล็กน้อย โดยตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 พ.ค.จะเปิดรับคำขอรับเงินครอบครัวอุปถัมภ์ เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถยื่นขอรับสิทธิ์ตามภูมิลำเนา ได้ที่กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือพม.จังหวัด 

นายวราวุธ กล่าวย้ำว่า ต้องขอบอกว่างบประมาณที่กระทรวง พม.ได้รับในปี 67 ได้รับสนับสนุนมาเพียง 1,107 ครอบครัวเท่านั้น ไม่สามารถครอบคลุมกับผู้สูงอายุทุกคนได้ แต่ในปีงบประมาณ 68 เราจะติดต่อเพื่อขอให้ได้รับงบประมาณเพิ่มมากขึ้น แต่จะได้เท่าใดนั้น คงต้องประสานกับสำนักงบประมาณต่อไป 

นายวราวุธ กล่าวถึงเงื่อนไขสำหรับการได้รับเงินครอบครัวอุปถัมภ์ว่า จะต้องดูแลผู้สูงอายุมีฐานะยากจน ไม่มีผู้ดูแล เช่น ถูกทอดทิ้ง อยู่เพียงลำพัง, ผู้สูงอายุมีฐานะยากจน มีผู้ดูแล แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เช่น บุตรหรือญาติที่ดูแลไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ หรือต้องลาออกจากงานมาดูแล ขาดรายได้ประจำ เป็นต้น ซึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง และผู้สูงอายุที่รอคิวเข้ารับบริการในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ หรือสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือมูลนิธิที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายนั้น ก็สามารถขอรับเงินจำนวน 2,000 บาทได้ แต่หากครอบครัวใดมีความจำเป็นมากกว่านั้น ก็อาจได้ถึง 3,000 บาทต่อครอบครัว และจำนวนเงินนี้ก็จะได้ทุกเดือน ไม่ใช่ได้ครั้งเดียว แม้ข้ามปีงบประมาณก็ยังได้รับอยู่ แต่สิทธิ์เหล่านี้จะหมดไป ก็ต่อเมื่อผู้สูงอายุท่านนั้นเสียชีวิต หรือมีลูกหลานรับไปดูแล

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส