“ลูกตาล ชโลมจิต” แฉกลับหลังโดนทวงหนี้ ลั่นไม่ได้หมดตัว หอบหลักฐานยันความบริสุทธิ์

4 ก.พ. 63
ปล่อยให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์มานานกว่า 2 วัน สำหรับเรื่องราวของอดีตนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ "ลูกตาล ชโลมจิต" ที่ถูกเจ้าของร้านเพชรบุกทวงหนี้ถึงฟิตเนสของสาวลูกตาล โดยในคลิปมีท่อนที่เจ้าหนี้พูดว่า "หนีทำไม ถ้าไม่ผิด ถ้าคืนเงินทุกอย่างก็คือจบ" แต่คุณลูกตาลก็ไม่ได้สนใจ และเดินออกจากตรงนั้นทันที ซึ่งทางด้านเจ้าของร้านเพชรก็ได้บอกกับสื่อว่า วันที่ถ่ายคลิปเพราะจะโดนคุณลูกตาลเข้ามาทำร้ายร่างกาย ตนก็เลยถ่ายไว้เป็นหลักฐาน พร้อมไปแจ้งความไว้ที่ สน.มักกะสัน ซึ่งเจ้าหนี้ยังบอกว่า คุณลูกตาลเป็นหนี้มากถึง 1 ล้าน 4 แสนบาท มีกำหนดคืนในเดือนธันวาคม 2561 โดยมีการทำสัญญาชัดเจน แต่เมื่อครบกำหนด อีกฝ่ายกลับบ่ายเบี่ยงและติดต่อไม่ได้อีกเลย และเมื่อสื่อจะติดต่อขอสัมภาษณ์ทางคุณลูกตาล ก็ได้รับการปฏิเสธมาตลอด ล่าสุดวันนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2563 "ลูกตาล ชโลมจิต" ก็พร้อมแล้วที่จะมาชี้แจงเรื่องทั้งหมด โดยเธอตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมกับทนายความ รวมถึงยังได้หอบหลักฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สลิปโอนเงิน หรือคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ฟิตเนสของเธอในวันที่เกิดเรื่อง สาวลูกตาลได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดกว่า 30 นาที ซึ่งฟังแล้วก็เป็นหนังคนละม้วนกับทางเจ้าหนี้อย่างสิ้นเชิง เรื่องแรกคือเธอยืนยันว่า การเงินและธุรกิจของเธอไม่ได้มีปัญหา ถึงขั้นต้องไปกู้หนี้ยืมสินจนไม่มีเงินมาชดใช้คู่กรณี แต่เธอแค่อยากจะขยายธุรกิจ แล้วบังเอิญมีเพชรมูลค่า 1 ล้าน 6 แสนบาท ที่ซื้อมาจากคู่กรณี ก็เลยนำไปขายคืน แต่อีกฝั่งไม่รับซื้อ โดยได้เสนอทางเลือกอื่นมาให้ ซึ่งก็คือให้ ฝากขาย ตอนนั้นตนก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยกู้เงินมาก่อน เขาก็ให้ทำสัญญาเงินกู้ ซึ่งเขาบอกว่าแค่เพชรไม่พอเพราะราคาตกแล้ว ให้นำอย่างอื่นมาค้ำประกัน ตนก็เลยนำสมุดมอเตอร์ไซค์ราคา 6 แสนกว่าบาท ไปให้ จึงได้รับเงินมา 1 ล้าน 4 แสนบาท จากนั้น ตนก็ผ่อนมาตลอด เดือนละ 70,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมเป็นเงิน 845,000 บาท จากนั้นตนก็ไปถามเขาว่าตอนนี้สัญญามันหมดแล้ว ขอรู้ยอดหนี้หน่อย เขาก็บอกว่าที่ผ่านมา 840,000 บาท คือดอกเบี้ยทั้งหมด ตนก็งงเพราะ ของที่เขายึดไป มูลค่า 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งถ้าหักกันจริงๆ แล้วเขาต้องจ่ายคืนตนด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่ยอม ตนเลยบอกเขาว่าไปฟ้องศาลเลย ตนอยากไปเคลียร์เรื่องนี้ที่ศาลมากกว่า โดยตลอดเกือบ 2 ปี ที่หยุดชำระ ก็เพื่อจะเคลียร์ยอดหนี้ว่าต้องจ่ายอีกเท่าไหร่กันแน่ นัดคุยที่สน.หลายครั้ง แต่ก็ไม่ลงตัวสักครั้ง อย่างไรก็ตามในเรื่องของดอกเบี้ย ไม่ได้มีการระบุไว้ในสัญญา แต่มีการคุยปากเปล่าเขาบอกดอก 5% ตนก็คือว่าต่อปี แต่จริง ๆ คือต่อเดือน เท่ากับ 60% ต่อปี ทางทนายความเลยเสริมว่า แบบนี้ผิดกฏหมายแน่นอน เพราะคิดดอกเกิน และวิธีการทวงหนี้ก็ยังผิดกฏหมายอีกด้วย ในส่วนของเหตุการณ์วันนั้น คุณลูกตาล ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด วันนี้ตนได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ร้านมาให้ดูด้วย และที่เดินออกจากตรงนั้นไม่ได้หนี แต่แค่ไม่อยากคุยแล้ว เพราะรู้เจตนาว่าเขาจะทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ด้านทนายความก็เสริมว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ไปแจ้งความที่ สน.มักกะสัน ในคดีหมิ่นประมาท กับการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หมิ่นประมาทโดยโฆษณาไว้ จากนี้ก็ต้องรอออกหมายเรียกคู่กรณีมาคุยกัน อาจจะตกลงกันได้ในวันนั้น ลูกตาล : “เดี๋ยวให้ลูกตาลเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนคร่าว ๆ นะคะ ธุรกิจฟิตเนสของลูกตาลไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ลูกตาลต้องการขยายกิจการ ก็เลยต้องการระดมหาเงินทุน แล้วเราไม่ได้อยากไปกู้หนี้ยืมสินใคร แล้วด้วยความที่ลูกตาลซื้อเพชรเอาไว้ ก็เลยคิดว่าเราเอาเครื่องเพชรไปขายเป็นเงินเอามาลงทุนดีกว่าจะได้งอกเงย ก็เลยเอาเพชรไปขายคืนร้านของคู่กรณี ซึ่งเพชรทั้งหมดเป็นเพชรของร้านเขาที่เราซื้อมา ตอนที่เราซื้อเขาบอกว่ามันสามารถหักประมาณ 10-15% ขายคืนได้ ซึ่งมูลค่าเพชรของเรา 1.6 ล้านบาท ลูกตาลต้องการใช้เงินประมาณ 1.5 ล้านบาท ก็เลยบอกว่าขอขายคืนได้ไหมคะ เขาก็บอกว่าไม่รับซื้อคืนแล้ว มันเก่าแล้ว มันปีหนึ่งแล้ว เขาก็เลยบอกว่าเอาเป็นขายฝากมั้ย ตาลก็ไม่รู้ว่าฝากมันคืออะไร เพราะเราไม่เคยยืมเงินใครนะคะ เขาบอกว่าฝากก็คือ ต้องมีสัญญาเงินกู้ เหมือนเราเอาของไปฝากเขาไว้แล้วทำสัญญาเงินกู้ ตาลก็โอเค ได้ค่ะ ก็เอาทรัพย์สินเราไป คือเป็นเครื่องเพชรมูลค่า 1.6 ล้านบาท ไปเป็นหลักประกัน เขาก็บอกว่าตอนนี้เพชรราคามันตกแล้ว มันไม่พอ ก็ขอหลักประกันเพิ่ม พอดีมีสมุดมอเตอร์ไซค์อยู่คันนึงราคา 6 แสนกว่าบาท ก็เอาไปค้ำประกันเพิ่ม แล้วก็ได้รับเงินมา 1.4 ล้านบาท ตาลก็ผ่อนตลอดเลยค่ะ ผ่อนทุกเดือน เดือนละ 70,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี ไม่ได้ขาดเลยค่ะ รวมแล้ว 1 ปี ลูกตาลผ่อนไปแล้ว 845,000 บาท จากเงินต้น 1.4 ล้านบาท ลูกตาลก็ไปถามเขาว่าตอนนี้สัญญามันหมดแล้ว เราผ่อนไปขนาดนี้แล้ว เราต้องการรู้ยอดหนี้เรา อยากเคลียร์ยอดหนี้เราว่าเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าที่ผ่านมา 840,000 บาท คือดอกเบี้ยทั้งหมด เงิน 1.4 ล้านบาท ดอก 840,000 บาท แล้วเขาก็ยึดเครื่องเพชรของลูกตาลมูลค่า 1.6 ล้านบาท ยึดรถมอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท ยึดของลูกตาลไปทั้งหมดประมาณ 3 ล้านบาทค่ะ แล้วก็ยังทวงหนี้อยู่เรื่อย ๆ ลูกตาลก็บอกว่าอุ๊ย ถ้ายังงั้นขอเคลียร์ที่เงินต้นได้ไหม ขอให้หักหนี้กันไปได้ไหม ถ้าพี่เอาของไปแล้ว พี่เอาเพชรหนูไป เอารถหนูไป พี่ก็หักเป็นเงินต้นไป เหลือเท่าไหร่หนูจ่ายคืนก็ได้ จริง ๆ ถ้าหักกันจริง ๆ แล้วเขาต้องจ่ายคืนเราด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่ยอมนะคะ แล้วลืมบอกไปว่าตอนที่ทำเงินกู้กับเขา เขาให้ตาลเขียนเช็คอีกต่างหากนะคะ มีเครื่องเพชรค้ำประกัน 1.6 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท เช็คค้ำประกันอีก 1.4 ล้านบาทด้วยค่ะ แต่เช็ค 1.4 ล้านบาท ลูกตาลไม่ได้เขียนลงไปในสัญญา พอถึงเวลาเขาก็มาขู่ว่าเขาจะฟ้อง 1.4 ล้านบาท แล้วก็จะฟ้องอีก 1.4 ล้านบาทในใบสัญญา กลายเป็น 2.8 ล้านบาท กะเอา 2 เด้ง เหมือนเราเป็นหนี้เขา 2 ทาง มันก็เลยคุยกันไม่ได้ ก็เลยบอกว่าขอไปคุย กันที่ศาลเถอะ และด้วยความที่เราได้ส่งมอบมอเตอร์ไซด์ให้เขาไป ในเมื่อเขาอยากได้ของนักเราก็ให้ของเขาทั้งหมดแล้วก็จบกันนะ ฉีกสัญญาทิ้งนะ เขาก็ไม่ฉีก ลูกตาลก็ยังเป็นหนี้เขา 1,400,000 บาทเหมือนเดิม 2 ปี ไม่ว่าของเขาจะเอาไป 3 ล้านแล้ว คือวันที่มายิม เขาตั้งใจอยู่แล้ว คือก่อนหน้านี้ช่วงปีที่แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปทวงหนี้กับบุคคลอื่น เป็นดาราที่มีชื่อเสียงที่ลูกตาลรู้จัก เขาไปเหมือนจะประนามเรา ทำให้เราเสียชื่อเสียง ด้วยความที่เราเป็นดาราเขาก็เอาเงินมาขู่เรา เอาเงินมาคืนฉัน ๆ เป็นระยะเวลานานมาก จนวันสุดท้ายคือวันที่เกิดเหตุ เขามาที่ยิม ตั้งใจมาถ่ายคลิปทำลายชื่อเสียงเรา เราก็ถามเขาว่าทำไมคุณไม่ไปฟ้องศาลล่ะถ้าเราเป็นหนี้คุณจริง ๆ เขาก็ไม่ฟ้อง แต่เขาโกรธเรา เขาก็มาอัดคลิป ขอเล่าเรื่องวันที่เกิดคลิป เขาเดินมาที่ยิม วันนั้นลูกค้าเยอะมาก เราก็บอกว่าขอไปคุยข้างนอก แต่เราไม่ได้คุยกับเขา เราบอกเขาว่าเราคุยกันจบแล้ว ให้ติดต่อคุยผ่านทางทนายไป เขาก็ตะโกนบอกว่าพี่โกงเงินหนู อย่างที่เห็นในคลิป เราไม่ได้พูดไม่ได้ตอบโต้ ก็โทรหาทนาย ทนายบอกให้แจ้งตำรวจ มาให้เชิญเขาออกไป จะได้ไม่เป็นการรบกวน ภาพที่เห็นว่าทวงหนี้แล้วเดินหนีมันไม่ใช่ มันไม่มีประโยชน์ที่จะทะเลาะกับคนที่จ้องจะทะเลาะกับเรา มาหาเรื่องเรา คิดว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไร ก็เลยขับรถออกไปเพื่อที่จะไปแจ้งตำรวจ ให้มาระงั้บเหตุการณ์ พอตำรวจที่เราไปแจ้งมา เขาก็บอกว่าให้เราไปลงบันทึกประจำวันไว้นะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง ก็เลยกลับไปที่ สน. เพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่ว่าวันนั้นคนเยอะ ตำรวจบอกว่าให้มาวันพรุ่งนี้ ก็เลยกลับบ้านไป กลายเป็นว่านักข่าว คู่กรณีก็ให้ข่าวว่า ลูกตาลจ้องจะวิ่งเข้ามาทำร้ายร่างกาย พอดีตำรวจมาระงับเหตุการณ์ไว้ได้ ลูกตาลเห็นว่าตำรวจมา ก็เลยรีบหนีไป มันเป็นหนังคนละม้วนกันเลยที่พี่ๆได้ยินมาตั้งแต่แรก เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ลูกตาลไม่ได้เดินเข้าไปทำร้ายร่างกายเขา ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มีกล้องวงจนปิดถ้าใคร ก็เอาไปดูได้ และก็มีเอกสารการจ่ายเงินต่าง ๆ ก็มี เดี๋ยวทนายจะคุยเรื่องต่าง ๆ ว่าจ่ายอะไรไปบ้าง และจะคุยเรื่องคดีด้วยค่ะ”

ทนายความ : “เรื่องทั้งหมดนี้ เขาทำสัญญากู้กัน 3 ฉบับ ทุกฉบับก็จะมีระบุเอาไว้ว่า อะไรค้ำประกัน ลูกตาลมาปรึกษาผมว่า ผ่อนหนี้แล้ว ทำไมยอดหนี้ยังเหลือเท่าเดิม ก็ถามต่อว่าผ่อนไปเที่ไหร่ ทำไมไม่ลด ผมก็ได้ทำสรุปมาว่า ทางนี้เขาได้จ่ายไป 845,000 บาท มีหลักฐานการโอนว่าวันที่เท่าไหร่ วันหนึ่งเรานัดคุยกันที่ สน.หัวหมาก เพื่อที่จะยกมอเตอร์ไซค์ให้เพื่อที่จะตัดหนี้ คุยกันวันที่ 24 พ.ค. 62 ครั้งล่าสุดที่เราคุยกัน ผมพยายามจะคุยว่าทุกสิ่งทุกอย่าง หลักทรัพย์ที่คุณเอาไป ถ้าขายได้หักต้นเงินกู้มา เหลือเท่าไหร่ผมจะให้ทางนี้จ่าย มอไซด์ที่ทำบันทึกตกลงคืนกัน ราคา 3 แสนบาท เซ็นกันทั้ง 2 ฝ่ายหลังจากนั้น ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยขอให้ทางนี้หยุดจ่ายเงินกันไปก่อน เพราะจ่ายไปก็ไม่รู้จะจ่ายยอดไหน คือยังต้องจ่ายล้านสี่ ทั้งที่เครื่องเพชรก็ซื้อมาจากร้านเขามาล้านหก เครื่องเพชรก็ไม่รู้อยู่ไหน จะคืนเราไหมก็ไม่มีคำตอบ ส่วนค่ามอเตอร์ไซด์ 3 แสนบาท ก็ไม่ยอมหักให้ลูกตาล ว่าหนี้คุณจะอยู่ หนึ่งล้านหนึ่งแสนก็ไม่ยอมหัก 3 แสนออก เอกสารนี่คัดมาจากสน.หัวหมากไปตรวจสอบได้ ก็เลยมีการหยุดชำระเพื่อเคลียร์ยอดหนี้ ผมเลยบอกเขาว่าถ้าคุณยังติดใจให้ไปทำการฟ้องที่ศาล ถ้าศาลสั่งให้จ่ายเท่าไหร่ทางนี้ก็ยินดีจ่าย ไม่ได้มีปัญหาเริ่องการจ่ายตังค์ หลักฐานการชำระเงินทั้งหมดก็มี ผมก็เลยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ดำเนินทางศาล จะไปทวงออกสื่อเพื่อออกสื่อเพื่อ ถ้าคุณใช้สิทธิ์ทางศาลก็ฟ้องเลย ว่าติดอยู่ล้านสี่ ไปพิสูจน์กันว่าล้านสี่ที่นี่ชำระบ้างหรือเปล่า ส่วนเครื่องเพชรที่ค้ำประกันอยู่ มอเตอร์ไซด์ หักไปแล้วเหลือเท่าไหร่ ทางนี้ยินดีจ่าย ไม่ใช่ว่าไม่จ่ายเงิน” ในสัญญาได้ระบุดอกเบี้ยไหม ? ทนายความ : “ไม่ระบุดอกว่าเท่าไหร่ สัญญามี 3 ฉบับ คือมีวันที่ 8 ต.ค.2560 กู้เงินกัน 500,000 บาท ก็จะไม่ระบุดอก ฉบับต่อมา 3 ธ.ค. 2560 กู้ 500,000 บาท ฉบับนี้จะมีมอเตอร์ไซด์ ค้ำประกัน และฉบับต่อมาทำเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2560 อันนี้กู้ 4 แสน มีแหวนเพชรเป็นประกัน ซึ่งทั้ง 3 สัญญาจะไม่ระบุดอกเบี้ย” นอกรอบได้คุยไหมว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่? ลูกตาล : “ตอนที่เราแบ่งสัญญากู้ เดือนเดียวกันแต่คนละวันเพื่อสะดวกในการจ่ายเงินอะไรก็แล้วแต่ เขาบอกว่าอยากจะจ่ายอันไหนก่อนก็ได้ แต่เวลาเราจ่ายดอก เราจ่ายพร้อมกันครั้งเดียว เดือนละ 7 หมื่น เราก็จ่ายทุกเดือน ตอนแรกเขาบอกว่าร้อยละ 5 ลูกตาลก็คิดว่าร้อยละ 5 ต่อปี เพราะเขาไม่ได้เขียน เราก็ผ่อนไป พอสิ้นปีเราก็ถามว่าดอกเหลือเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าเหลือเท่าเดิมนั่นแหละ แล้วที่เราจ่ายๆ ไปเดือนละ 70,000 คืออะไรเขาก็บอกเราว่าเป็นดอกทั้งหมดเลย ก็เป็น 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คือดอกที่เขาคิดเราทั้งหมด” ทางกฎหมายมันเป็นไปได้ไหม ? ทนายความ : "มันผิดกฎหมายอยู่แล้วกับการเรียกดอกเกิน วิธีที่ทวงก็ผิดกฎหมาย คือเราเจตนาจะใช้หนี้อยู่แล้ว ไม่ได้มีเจตนาไม่ใช้หนี้ เนื่องจากเราคุยกันไม่รู้เรื่องที่สน.หัวหมาก ไม่รู้ว่ายอดหนี้สรุปกันที่เท่าไหร่เราก็เลยจ้องหยุดผ่อนชำระไป เพราะขนาดเราเอามอเตอร์ไซค์ไปให้เขา มีการส่งมอบมอเตอร์ไซค์ มีการลงบันทึกประจำวันที่ สน.หัวหมาก ตีราคาไว้ 300,000 บาท และยอดหนี้ก็น่าจะเหลือแค่ 1 ล้านบาท ถ้าหากหักค่ามอเตอร์ไซค์ไป แต่ทำไมยอดหนี้ยังเหลือ 1.4 ล้านบาท เหมือนเดิม" ลูกตาล : "สรุปนะคะสิ่งที่คู่กรณีได้ไปก็คือเงิน 850,000 เครื่องเพชรอีก 1.6 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท ได้ไปทั้งหมดประมาณ 3 ล้านกว่าบาท แต่ลูกตาลก็ยังติดหนี้เขาเหมือนเดิม" เหตุผลที่ยังไม่ได้จ่ายหนี้ก็ไปเพราะทนายสั่งให้ระงับการใช้หนี้ไปก่อนถูกต้องไหม ? ทนายความ : "ผมบอกว่าให้ไปตกลงยอดหนี้กันให้ชัดเจนก่อนว่า 1.4 ล้านบาท นี้เหลือเท่าไหร่ เพราะผ่อนไปนี้ยังไม่รู้เลยว่าผ่อนยอดไหน หรือที่ผ่อนไปมันเป็นดอก และทางคุณเขาจะคืนเครื่องเพชรไหม คืนหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมดกับเราไหม ไม่ได้คำตอบ" เรากับคู่กรณีคุยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ? ทนายความ : "คุยกันที่ สน. ครั้งล่าสุดผมเคยคุยผ่านทนายอีกคนหนึ่งที่ติดต่อผมมา ตอนนั้นผมยังบอกเลยว่าเราต้องเคลียร์กันให้จบก่อนว่ายอดเท่าไหร่เราถึงจะผ่อนได้ ตอนนี้เหมือนเราจ่ายดอกอย่างเดียวซึ่งดอกมันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ผมเคยเสนอแนะไปว่าถ้าหากตกลงไม่ได้ ก็ให้เขาฟ้องเราเลย คุณบอกว่าเราติดหนี้ 1.4 ล้านบาท ก็ให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่า 1.4 ล้านบาท คือยังไง ถ้าศาลสั่งให้จ่ายเราก็จ่าย คุณลูกตาลมีภูมิลำเนาแน่นอน มีทรัพย์สิน มีหลักแหล่ง สามารถตรวจสอบได้ ถ้าศาลตัดสินแล้วคุณลูกตาลไม่จ่าย ก็สามารถบังคับคดียึดทรัพย์ได้ ผมจึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทางคู่กรณีถึงไม่ดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลับใช้วิธีการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดพรบ.ทวงหนี้ด้วยซ้ำ เป็นการหมิ่นประมาทด้วยซ้ำ" ทางเราหยุดชำระตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ทนายความ "ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ครั้งล่าสุดที่เราคุยกันเพราะเราคุยกันไม่จบ ยอดหนี้เราสรุปกันไม่ได้ว่าเหลือเท่าไหร่จาก 1.4 ล้านบาท เราก็เลยหยุดการผ่อนชำระไป คือเราคุยจนไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว ผมถามเขาว่าหลักทรัพย์จะคืนยังไง ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ให้เขาไปฟ้องและไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่ายอดหนี้ที่แท้จริงมันคือเท่าไหร่ ทางนี้ต้องชำระเท่าไหร่ สุดท้ายเขาก็ยังยืนยันว่า 1.4 ล้านบาท แล้วเครื่องเพชรที่วางเป็นหลักประกัน มอเตอร์ไซค์ ผมไม่พูดเรื่องเงินที่ผ่อนนะ เอาแค่หลักประกันเพราะมันน่าจะครอบคลุมวงเงินยอดหนี้อยู่แล้ว ถ้าเหลือก็เหลือนิดหน่อยไม่ถึง 1.4 ล้านบาท แน่ๆ" ลูกตาล : "ที่เขาบอกว่าที่ตาลกู้เงินไปเพราะธุรกิจมีปัญหาเหมือนเขาจะทำให้เราแบบเสียชื่อและทำให้กิจการงานเราจะงับไปด้วย แต่สาเหตุที่ตาลไม่ได้ใช้หนี้เขามันเป็นเรื่องเรื่องการตกลงยอดหนี้ไม่ลงตัว" เขาได้มีการติดต่อมาหาเราโดยตรงตัวต่อตัวบ้างไหม ? ลูกตาล : "เขาโทรหาทุกคน ทุกคนรอบ ๆ ที่ไม่ใช่ตัวตาล เขาโทรเล่าให้ทุกคนฟัง ซึ่งจะไปเป็นพยานในศาลให้ทีหลังประมาณ 10 กว่าคนทั้งดาราทั้งอะไร คือมีหลายคนมาก เขาติดต่อตาลได้ตลอดนะคะ จนสุดท้ายที่ สน. เราก็สรุปกันแล้วว่าให้คุยผ่านทนายไม่ต้องโทรแล้ว ตอนที่เขามาที่ยิมตาลบอกว่าตาลไม่มีอะไรจะคุยแล้วให้เขาคุยกับทนายเลย แต่เขาก็บอกมาว่าเขาไม่คุยกับทนาย เขาจะเล่าให้ทุกคนฟัง เขาจะมาที่นี่ทุกวัน เขาจะมาทำให้ตาลเสียชื่อเสียง แล้วเขาก็ทำสำเร็จไประยะหนึ่ง ซึ่งคนคนเกลียดกันทั้งประเทศเลย ว่าเป็นหนี้แล้วหนี เราก็ต้องมาเสียชื่อเสียงด้วย" ก่อนหน้านี้เคยผิดใจอะไรกับเขามาก่อนไหม? ลูกตาล : "ไม่มีค่ะ ไม่เคยผิดใจอะไรกับเขา ถ้าจะผิดใจกับเขาก็คือเราหยุดจ่ายดอก เขาคงคิดว่าเขาขาดรายได้" ตอนเซ็นสัญญาเรามีตงิดใจบ้างไหม ว่ามันไม่ชอบมาพากล? ลูกตาล : "คือเราไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะเราไม่เคยกู้เงิน เขาก็บอกว่าเหมือนไปฝากของ ถ้าเราตั้งใจดูสัญญาให้ละเอียด เราก็ต้องลงไปแล้วว่ามีเช็คด้วย ค้ำด้วย แต่การที่เขาคิดไม่ซื่อกับเรา เวลาจะฟ้องเรา จะฟ้องเช็คด้วย จะฟ้องสัญญาด้วย กลายเป็นว่าสองเด้งเลย แล้วตอนนั้นที่หมดสัญญากู้แล้ว เราก็ถามว่าเครื่องเพชรเราอยู่ไหน ขอตรวจดูก่อนได้ไหม เขาบอกว่าเอาไปฝากเพื่อนวางตู้ไว้แล้ว เราก็บอกว่า อ้าว...พี่จะให้หนูจ่ายดอกพี่ จ่ายเงินพี่ แต่พี่เอาเพชรหนูไปวางขาย แล้วอย่างนี้มันถูกเหรอ เขาบอกก็วางไว้ก่อน ถ้าเผื่อขายได้ค่อยหักหนี้กัน ซึ่งแบบทำอย่างนี้มันก็ไม่ถูก" ทำไมเราถึงไม่เอาเพชรไปขายที่อื่น? ลูกตาล : "เราซื้อร้านเขา เราต้องขายกับเขาค่ะ มันของเขา คือบอกตรง ๆ เลยนะ ก่อนจะไปขายคืนเขา เราเคยเอาเพชรไปเช็คแล้ว สิ่งที่เขาขายเรา มันเหมือนกับมันโก่งราคาด้วย เราก็เลยเลือกขายคืนเขาดีกว่า แต่เขาก็ไม่เอา" ต่อจากนี้จะเคลียร์ปัญหานี้อย่างไร? ทนายความ : "ผมไปแจ้งความที่ สน.มักกะสัน คดีหมิ่นประมาท กับการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หมิ่นประมาทโดยโฆษณาไว้ แจ้งความไว้เมื่อวันจันทร์ ก็เดี๋ยวรอทางคู่กรณีมา ส่วนเรื่องหนี้ผมก็ต้องดูว่าเขาจะเอายังไง ก็อาจจะคุยไปในทีเดียว ถ้าคุยได้ผมอยากจะคุยให้หมดทุกเรื่อง แต่ถ้าคุยไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะผมก็รอเขาฟ้องมา ว่าเขาจะบังคับคดีที่ล้าน 4 ไหม" เรามีแนวทางประนีประนอมหนี้ไหม? ทนายความ : "คือผมยังไม่รู้เลย ว่ายอดหนี้มันเท่าไหร่ ผมก็ไม่กล้าประนอมหนี้ ว่าเครื่องเพชรจะหักยอดหนี้เท่าไหร่ ตอนนี้เขายืนยันว่า ล้าน 4 ทั้งที่มอเตอร์ไซค์เราก็ให้เขาไปแล้ว 3 แสน มีบันทึกที่สน.ชัดเจน เครื่องเพชรบอกยังไม่ขาย ก็เอามาดู เอาไปขายแล้วหักยอดหนี้กันไหม ขายเท่าไหร่แล้วมาว่ากันกับหนี้ที่เหลือ" ตอนนี้เรื่องหนี้ยังไม่ถึงชั้นศาลใช่ไหม? ทนายความ : "เขาไม่เคยฟ้องเราครับ เราเป็นผู้กู้ เขาเป็นเจ้าหนี้เขาต้องฟ้องเรา" จะมีปัญหาไหม เพราะเขาไม่ยอมฟ้องเรา? ทนายความ : "คือผมกำลังจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณา แล้วก็ไปทวงหนี้โดยการประจาน มันผิดพ.ร.บ.อยู่แล้ว เราจะมีโอกาสได้คุยกันในศาล" คิดว่าทำไมเขาถึงไม่ฟ้อง หรือว่าเขาต้องการอะไรมากกว่านั้น? ทนาย : "มันเป็นสิทธิ์ของเขา เราก็ตอบแทนเขาไม่ได้" ลูกตาล : "เขาคงไม่อยากจะฟ้องมั้ง เขาอยากจะด่าเราไปเรื่อย ๆ ละมั้ง" ถ้าเขาฟ้องเราก็พร้อมต่อสู้ใช่ไหม ลูกตาล : "อยากให้เขาฟ้องหนี้จังเลย" ทนาย : "เรามีหลักฐาน เราไม่ได้พูดลอยๆ เรามีรายละเอียดหมด การผ่อนเงินเราก็มี โอนเงินเข้าบัญชีเขา รายละเอียดการถอนผมก็ทำสรุปด้วยซ้ำ ว่าโอนวันไหน ยอดเท่าไหร่" การคำนวณหนี้ทั้งหมด จำนวนต้นที่เราเริ่มเป็นหนี้ จนถึงตอนนี้ ถ้าเข้าสู่ชั้นศาล เราต้องจ่ายหนี้เขาอีกกี่บาท ทนาย : "ถ้าตีราคาหลักทรัพย์นะ ผมไม่รู้หลักทรัพย์จะตียังไงนะ ผมคิดว่ามันคัฟเวอร์ยอดหนี้อยู่แล้ว" ลูกตาล : "ถ้าตีราคาหลักทรัพย์เขาอาจจะต้องคืนเงินเราด้วย" ทนาย : "ต้องฝากถามว่าเขาคิดดอกเท่าไหร่ก่อน (หัวเราะ) เขาจะกล้าบอกไหม ผมไม่รู้ว่าเขาคิดเท่าไหร่" ลูกตาล : "ฝากถามเขาว่า ร้อยละหกสิบจริงไหม" เงิน 7 หมื่นบาทที่ผ่อนไป เป็นมูลค่าอะไร ลูกตาล : "เขาบอกว่า 7 หมื่นทุกเดือนคือดอก 5 เปอร์เซ็นต่อเดือน 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ที่ได้ไปแล้วนะคะ" ทนาย : "คือคุณลูกตาลเขามาปรึกษาผมทีหลัง เรื่องคดีนี้" พอมีข่าวออกไป เราเสียหายเยอะพอสมควร เราอยากชี้แจงอะไรกับคนที่เข้าใจเราผิดไหม ลูกตาล : "อยากจะบอกว่าที่หายไป 2 วัน เราต้องมีสติ รู้ว่าคนเขาจะมาหาเรื่องเราอยู่แล้ว ที่บอกว่าเราเดินหนี ป่านนี้หลบหนี้อยู่มั้ง จริง ๆ แล้วเราไม่ได้เดินหนี แต่ใช้ความคิด ว่าเราจะมาบอกยังไง ให้คนไม่เข้าใจเราผิด ก็อยากจะบอกว่าเราไม่ได้หนีหนี้ เราติดต่อเขาตลอดเวลา แล้วเราก็ไม่ได้ไปทำร้ายร่างกายเขา เราไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปทะเลาะกับคนที่เขาต้องการมาทะเลาะกับเรา ความจริงก็คือความจริง แล้วก็อยากจะบอกความจริงไว้ตรงนี้ว่า คนที่โดนกระทำคือเรา เงินก็ได้ไปแล้ว อะไรก็ได้ไปแล้ว ยอดล้าน 4 ได้เงินไป 8 แสน 5 ได้เครื่องเพชรไป ล้าน 6 ได้มอเตอร์ไซค์ไป 6 แสน 5 เป็น 3 ล้านกว่าแล้ว คุณก็ยังมาประจานอย่างนี้ มันถูกต้องเหรอคะ" กระทบกับธุรกิจเราไหม ลูกตาล : “กระทบแน่นอนค่ะ เพราะว่าตอนที่เขาไปทวงหนี้ เขาทวงที่ยิม ลูกค้าพี่ก็อยู่ แล้วน้องต้องดูที่กล้องวงจรปิด เขาพูดว่าเจ้าของยิมที่นี่ติดเงินฉัน ลั่นยิมเลย แล้วก็ไปคุยกับทุกคน ไปประจานอยู่ในนั้น แล้วคิดดูว่าธุรกิจพี่จะเป็นยังไง “ ได้รับความเสียหายแค่ไหน ลูกตาล : “ มากเลยค่ะ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกเขาก็เป็นอยู่ แต่เขาก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วเขาจะต่อสมาชิกเราไหม เพราะคุณคนนั้นเขาพูดว่าที่มายืมเงินเนี่ย เพราะว่ามีปัญหาทางด้านธุรกิจ จริง ๆ ธุรกิจพี่ไม่ได้มีปัญหา แต่พี่ต้องการขยายธุรกิจ พี่มีของ พี่มีเครื่องเพชร ดีกว่าเก็บไว้ในตู้เซฟก็กะเอามาขายทำธุรกิจ มันไม่ได้ไม่มีเงิน “ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะใช้วิธีไหน ลูกตาล : “พี่จะไม่ซื้อเพชรร้านเขา" ทำไมไม่ใช่วิธีกู้ธนาคาร ลูกตาล : “มันเร็วไง เพราะพี่ไม่อยากเป็นหนี้ แล้วก็ไม่ต้องมีขบวนการอะไรมากมาย" ต่อไปจะต้องระวังมากกว่านี้ไหมเวลาจะไปฟิตเนส ลูกตาล : “เขาจะกล้าไปหรอคะ" นัดเจออีกทีเมื่อไหร่ ทนายความ : “ ยังไม่ได้กำหนดครับ ต้องรอตำรวจออกหมายเรียกก่อน ต้องเช็คกับสน.มักกะสัน เพราะผมเพิ่งไปแจ้งความไว้เมื่อวันจันทร์นี้เองครับ" เราพร้อมให้ความร่วมมือ ลูกตาล : “ยินดีเลยค่ะ" ทนาย : “ทางเรายินดีชำระหนี้ ผมบอกลูกตาลเลยว่า เป็นหนี้ต้องชำระหนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเหลือยอดหนี้เท่าไหร่" ลูกตาล : “ถ้าพี่ไม่ยินดี คงไม่ผ่อนทุกเดือนจนหมดสัญญา 1 ปี ทุกเดือน 70,000 บาท พอถามว่าเหลือเท่าไหร่ เขาบอกเหลือเท่าเดิม แล้วยึดของเราไปอีก มาด่าเราด้วย"

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส