ผัวรับไม่ได้ เล่านาทีเจอ เมียนอนกกพระ จนถึงวันนี้ยังไร้คำขอโทษ

11 เม.ย. 67

ผัวรับไม่ได้ เล่านาทีเจอ เมียนอนกกพระ จนถึงวันนี้ยังไร้คำขอโทษ ทนายอนันต์ชัย แนะแจ้งเจ้าคณะจังหวัด ปิดทาง สมี กลับมาบวชใหม่ 

เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 11 เม.ย. 67 นายติ (นามสมมติ) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อดีตคู่หมั้น ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ มีข่าวฉาวกับอดีตพระว่า ตนไม่มีลูก ทางฝ่ายหญิงให้ตนรับอดีตพระเป็นบุตรบุญธรรม เพราะเขาบอกว่าเขามีลูกติดมาแล้ว ปกติเรื่องที่เราพูดคุยก็จะเป็นเรื่องการทำบุญ และก่อนหน้านั้นก็มีพฤติกรรมที่คนในบ้านสงสัย ซึ่งตนก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด เพราะยังกราบไหว้พระรูปนี้อยู่ และเชื่อว่าภรรยาตนก็ยังอยู่ในศีลธรรม ไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในหัวว่าเขาจะมีอะไรกัน 

นายติ (นามสมมติ) กล่าวต่อว่า ส่วนที่มองว่า อดีตพระหลอกหรอกหรือไม่ ตนก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่าถูกพระหลอกหรือไม่ เพราะบางทีพระเป็นที่พึ่งทางใจของทุกคนในพระพุทธศาสนา แต่ภรรยาของตนเขาไปเชื่อในสิ่งที่อดีตพระคนนี้พูด ที่อาจมีการค่อยๆ ใส่ข้อมูลความเชื่อเข้าไป ถามว่าทั้งสองคนสมยอมกันใช่หรือไม่ จะคิดอย่างนั้นก็ได้เพราะตบมือข้างเดียวไม่ดัง 

นายติ (นามสมมติ) กล่าวต่อว่า ตั้งแต่มีเรื่องตนยังไม่ได้คุยกับฝ่ายหญิง มีญาติพี่น้องของเขาพยายามโทรศัพท์หาตน แต่ตนก็ไม่รับสาย และไม่ตอบไลน์ ส่วนอดีตพระก็ไม่ได้ติดต่ออยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุตามคลิปเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย จากนี้ก็คงไม่รับอดีตพระเป็นลูกบุญธรรมแล้ว เพราะดันมีความสัมพันธ์กับภรรยาเรา ความสัมพันธ์มันขาดมันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้นจะปรึกษากับทนายความว่าจะทำอะไรได้บ้าง 

เมื่อถามว่า ยังรักและห่วงอดีตคู่หมั้นหรือไม่ นายติ (นามสมมติ) กล่าวว่า ความรักความห่วงใยที่เคยมีมันก็ต้องลดน้อยถอยลง และหายไปจากสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ และยิ่งผิดกับศาสนา ในทางโลกเรายังเข้าใจได้ แต่สิ่งที่ตนเจอมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกับทั้งคนที่อยู่ในผ้าเหลืองและภรรยาเราที่ทุกคนก็รู้ว่าเขาเป็นอะไร ตนรับไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรต่อติด ยิ่งมาถึง ณ ตอนนี้มันไม่มีทางแล้ว 

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงผู้หญิงหรือไม่ นายติ (นามสมมติ) กล่าวว่า ไม่มี ไม่รู้จะฝากอะไรจริงๆ เพราะไม่รู้จะเอาคำไหนมาพูดดีในสิ่งที่มันเกิดขึ้นที่สองคนทำไว้ 

นายติ (นามสมมติ) กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุตนต้องอดทนอดกลั้นกับภาพที่เห็น และไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิดความรุนแรง วันนั้นตนแค่ไปเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่มีคนให้ข้อมูลมา และสิ่งที่เราประมวลผล มันเป็นความจริงหรือไม่ จึงถ่ายคลิปดังกล่าว ก็ไม่คิดว่าจะเห็นภาพนี้ แต่เมื่อเห็นแล้วตนไม่ต้องการให้มีความรุนแรง แค่อยากพิสูจน์ให้รู้ว่ามันจริงหรือไม่ เหตุการณ์วันนั้นจบลงด้วยการที่ตนวิ่งออกมาแล้ว แต่ฝ่ายหญิงพยายามแย่งโทรศัพท์ และเขาก็อยู่ในสภาพเปลือยกายทั้งคู่ แต่จากนั้นเขาก็ไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ และพูดคุยกันที่ชั้นล่างของบ้าน ตนบอกว่าสิ่งที่เขาทำ มันใช่หรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเขาก็บอกว่ามันไม่มีอะไรและไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิด ตนก็บอกว่าจะให้คิดอย่างไร และจะให้คิดแบบไหน ยอมรับว่ารู้สึกโมโหที่เขาทำ จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำขอโทษสักคำ แต่ไม่เป็นไรถ้าไม่อยากทำ ไม่อยากขอโทษหรือขอขมาก็ไม่เป็นไร ทำผิดกับตนยังไม่เป็นอะไร แต่ทำผิดกับพระพุทธศาสนาอีก ถามว่ามันใช่หรือไม่ 

ด้าน นายอนันต์ชัย ไชยเดช หรือ ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ในกรณีนี้ถ้าเป็นชู้กับบุคคลธรรมดาก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นเรื่องทั่วไป ซึ่งกฎหมายก็บัญญัติอยู่แล้ว ทางกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของพระ ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในพระธรรมวินัย ถือว่าปาราชิก ที่ขาดจากการเป็นพระ และมาทราบว่า ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องนี้กัน พระรูปนี้ไปเล่าให้สีกาฟังว่าเขาเคยมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมาแล้ว 2-3 ครั้ง เป็นความผิดต่อศาสนาที่รุนแรง คนที่ทำแบบนี้ถึงว่าตกนรก และทำร้ายพระพุทธศาสนา อีกคนเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง และที่เขาไม่รับเป็นแม่บุญธรรมของอดีตพระนั้น แสดงว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่า เขาน่าจะมีอะไรกับพระมาก่อน จึงให้คุณติรับเป็นลูกบุญธรรมแทน เพื่อความใกล้ชิดสนิทสนม ให้ฝ่ายชายตายใจ 

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า คุณติมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้เขา แบบนี้ถือว่าเป็นความรุนแรงที่ไม่ควรกระทำ และการที่คุณติออกมาตีแผ่เรื่องนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ ตนแนะนำให้ไปบอกเจ้าคณะจังหวัดว่าพระรูปนี้ปาราชิก มีภาพเป็นหลักฐาน เพราะหากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น สักวันตนเชื่อว่าเขาจะต้องกลับมาบวชใหม่อีกครั้ง และไม่มีใครรู้ แต่หากมีการบันทึกและจดจำว่าเคยปาราชิกก็ไม่สามารถบวชเป็นพระได้แน่นอน สิ่งที่คุณติทำ ถือว่าไม่ใช่การประจาน แต่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ ค่อยว่ากันทีหลัง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส