ศรีปทุมจับมือยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ TIFFA ITBS ปั้นเด็กเทพโลจิสติกส์ !

2 เม.ย. 67

"โลจิสติกส์" มาแรง! ศรีปทุมจับมือ "ยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ TIFFA ITBS" ปั้น "เด็กเทพ" โลจิสติกส์! ต่อยอด”บัณฑิตพันธุ์ใหม่” ทักษะสูง ได้งานทันที

นางสาวพศิกา กระถินทอง (มิ้ว) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยศรีปทุม แชร์ประสบการณ์และมุมมองต่อสายงานโลจิสติกส์ อาชีพมาแรงที่ตอบโจทย์อนาคต สนใจงานด้านโลจิสติกส์มาตั้งแต่เรียนจบ ม.ปลาย เพราะมองหาสายงานที่สามารถเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย จบแล้วมีงานรองรับทันที ที่สำคัญคือ ไม่อยากตกงาน โลจิสติกส์เป็นสายงานที่กว้าง ค่าตอบแทนสูง มีโอกาสเติบโต และต่อยอดไปประกอบธุรกิจเองได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นเลือกเรียน โลจิสติกส์ เริ่มหาข้อมูลหลักสูตรโลจิสติกส์ของหลายมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายเลือก ม.ศรีปทุม เพราะหลักสูตรครอบคลุม ตอบโจทย์ที่อยากเรียน มีโอกาสฝึกงานกับบริษัทชั้นนำ และอาจารย์คอยแนะแนว ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

สุดท้ายก็มาเลือกเรียนที่ ม.ศรีปทุม ทฤษฎีและวิชาพื้นฐานจากมหาวิทยาลัยสามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานจริง ช่วยให้เรียนรู้งานได้รวดเร็วขึ้น ค้นพบว่าสายงานนี้ท้าทาย น่าเรียนรู้ โดยเฉพาะการสื่อสารภาษาอังกฤษกับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งสำคัญมาก และมีแผนเรียนภาษาที่ 3 เพิ่มเพราะทักษะด้านภาษาเป็นข้อได้เปรียบในสายงานนี้ ทำให้เติบโตและได้รับค่าตอบแทนสูง เป้าหมายในอนาคต หลังฝึกงาน ตั้งเป้าทำงานต่อเพื่อเก็บประสบการณ์ และวางแผนเปิดธุรกิจของตัวเองเมื่อพร้อม เพราะมองว่าอุตสาหกรรมนี้มีโอกาสเติบโตสูง และมีช่องว่างในการสร้างธุรกิจได้อีกมาก

นายชลชิศ แก้วแดง (รักษ์) ศิษย์เก่าจากโครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ รุ่นแรก ของวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยศรีปทุม ประสบความสำเร็จในสายงานโลจิสติกส์ ปัจจุบันเขาทำงานเป็น Sales Representative และทำหน้าที่พี่เลี้ยงสอนงานรุ่นน้อง โครงการนี้มอบโอกาสให้เขาฝึกงานจริง 10 เดือน ช่วยให้ค้นหาตัวเอง ตกผลึกความรู้ พัฒนาทักษะ และเข้าใจงานในธุรกิจทุกขั้นตอน เขายังตั้งเป้าหมายเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มุ่งสู่ตำแหน่งผู้จัดการ และผลักดันตัวเองไปเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต เขาเน้นย้ำว่า ทักษะด้านการสื่อสาร การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

และภาษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสายงานนี้ ทักษะเหล่านี้ช่วยให้เขาสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในตลาดงานให้กว้างขึ้น โครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ มุ่งสร้างบัณฑิตที่มีทักษะตรงกับความต้องการของตลาดงาน ช่วยให้นักศึกษาเรียนรู้ พัฒนา และเติบโตสู่อนาคตที่สดใสมุมมองของมิ้วและรักษ์ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสายงานโลจิสติกส์ ที่มีความต้องการสูง ตอบโจทย์อนาคตนักศึกษาที่ใฝ่ฝันถึงความมั่นคง ท้าทาย และเต็มไปด้วยโอกาส

ผศ.ดร.ธรินี มณีศรี คณบดีวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดเผยว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี ในขณะที่การพัฒนา "คน" ในสายงานโลจิสติกส์ยังพบอุปสรรคหลายด้านทั้งในฝั่ง Demand หรือสถานประกอบการที่ต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจใหม่ให้ก้าวสู่โลกยุคดิจิทัล แต่ยังขาดแรงงานทักษะใหม่ มีผลต่อการพัฒนาขับเคลื่อนองค์กรที่ไม่สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีซับซ้อนและมีความเฉพาะตัวสูง หรือในบางสถานประกอบให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคน ก็มักถูกซื้อตัวไปทำงานในบริษัทข้ามชาติ

ทำให้เกิดปัญหาอัตราการลาออกสูง อีกทั้งคนรุ่นใหม่ไม่ชอบทำงานประจำ หรืองานที่ต้องใช้แรงงาน ดังนั้นโครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ของ ม.ศรีปทุม เปรียบเสมือน "สะพานเชื่อมโยง" ระหว่าง "ภาคการศึกษา" กับ "ภาคธุรกิจ" มุ่งผลิตบัณฑิตพันธุ์ที่มีสมรรถนะตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ มีความพร้อมในการทำงานระหว่างเรียน โดยหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ม.ศรีปทุม ถือเป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถานประกอบการ ในการสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพให้กับประเทศ โดยมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นแหล่งพัฒนาทรัพยากรบุคคล “HRD (Human Resource Development)” ในการพัฒนากำลังคนที่มีความรู้ ทักษะ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ประสิทธิผลสูงสุด ตอบโจทย์อุตสาหกรรมโลจิสติกส์

โดยความร่วมมือกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กว่า 200 บริษัท ภายใต้สมาคมผู้รับการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) โดยมีผู้เชี่ยวชาญตัวจริงประสบการณ์จริงมาถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ผ่านโครงการ "หลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่" กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปัจจุบันหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเอกชนผลิตกำลังคนออกสู่ตลาดแรงงานมากกว่ามหาลัยรัฐ และม.ศรีปทุมเป็นอันดับหนึ่งในการผลิต “คน” ทักษะสูงออกสู่อุตสาหกรรมมากที่สุด

“เราพัฒนาหลักสูตรเน้นทักษะและความรู้ที่จำเป็นสำหรับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโลก นักศึกษาจะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติทั้งในห้องปฏิบัติการและสถานประกอบการจริง “เรียนรู้จากตัวจริง ประสบการณ์จริง” ที่ผ่านมามีบัณฑิตในโครงการนี้แล้วกว่า 300 คน และได้เข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์แล้วแทบทั้งหมด ด้วยหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน เน้นทักษะและความรู้ที่จำเป็น เรียนรู้จากประสบการณ์จริง

บูรณาการการเรียนร่วมกับการทำงาน จบแล้วมีงานทำทันที โดยมีอาจารย์เป็นโค้ชคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่นักศึกษาให้มองเห็นเป้าหมายในสายงานได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงโอกาสสร้างรายได้/ค่าตอบแทนที่สูง และโอกาสเติบโตในระดับผู้บริหารสายงานโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังสามารถต่อยอดเป็นเจ้าของธุรกิจได้ โดยอัตราค่าตอบแทนในสายงานนี้เริ่มต้นที่เดือนละ 20,000 -25,000 บาท ถ้ามีทักษะภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่ 3 ค่าตอบแทนจะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ตำแหน่งระดับบริหารในสายงานนี้ มีรายได้สูงถึง 6 หลักขึ้นไป และสามารถก้าวไปเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้า ส่งออก มีโอกาสเติบโตสร้างรายได้ที่มั่นคง”

โดยปัจจุบันนี้มี 3 อาชีพเร่งด่วน ที่ยังขาดแคลนและต้องเร่งผลิตบัณฑิตให้ทันต่อการเติบโตของประเทศ ได้แก่ 1. อาชีพนักจัดการ โลจิสติกส์สำหรับสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) อาชีพที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดเก็บและขนส่งสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิรักษาคุณภาพ เช่น ผลผลิตทางการเกษตร อาหาร ยาและเวชภัณฑ์ 2. อาชีพนักวางแผนอุปสงค์ (Demand Planner) นักวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ 3. อาชีพนักวางแผนการขนส่ง (Smart Driver) ทำหน้าที่วางแผน ควบคุม และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการการขนส่งและการกระจายสินค้า

นายสมชาย บรรลือเสนาะ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) ผู้อำนวยการโรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) ผู้คร่ำหวอดในแวดวงโลจิสติกส์ เผยว่า อุตสาหกรรมฯ กำลังกลายเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รองจากธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ และธุรกิจสุขภาพ รัฐบาลเล็งเห็นถึงโอกาส ผลักดันประเทศไทยเป็นฮับโลจิสติกส์ของภูมิภาค ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เชื่อมโยงการขนส่งจากจีนตอนใต้ไปยังประเทศต่างๆ ผ่านไทย หัวใจสำคัญ ของการเป็นฮับได้สำเร็จ "คน" ต้องมีศักยภาพ ตอบโจทย์ความซับซ้อนของงาน เข้าใจหลักเกณฑ์ มาตรฐานการขนส่ง และมาตรฐานสินค้าของแต่ละประเทศ “คนโลจิสติกส์” ต้องมี ทัศนคติที่ดี รักในสายงาน มองเห็นเป้าหมายการเติบโต

TIFFA ITBS และ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มุ่งพัฒนากำลังคน ยกระดับอุตสาหกรรม เริ่มตั้งแต่การแนะแนวให้นักศึกษามองเห็นเป้าหมาย ฝึกฝนทักษะพื้นฐาน และโครงการ “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” ร่วมมือกับ TIFFA ITBS ต่อยอดความรู้จากภาคปฏิบัติสู่สนามจริง 10 เดือน นักศึกษาได้เรียนรู้ ค้นพบตัวเอง พัฒนาศักยภาพ และมีเป้าหมายเติบโตในสายงาน ในสายงานนี้ทักษะภาษาอังกฤษ สำคัญมาก ช่วยให้เติบโตในตลาดแรงงานระดับโลก เพิ่มค่าตอบแทน รวมทั้งทักษะภาษาที่ 3 อย่างภาษาจีนและภาษาอาเซียนก็เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรม ในเฟสต่อไป เดินโครงการ “ปั้นเด็กเทพ” คัดนักศึกษาหัวกะทิ 19 คน พัฒนาเป็นกำลังคนสมรรถนะสูง ไปเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศ และเดินหน้าร่วมมือ ร่วมพัฒนาหลักสูตร อัพสกิล รีสกิล ด้านโลจิสติกส์ ทันกับความต้องการของตลาดให้กับกำลังคนในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อทันต่อการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก และมีแผน จับมือคณะศิลปศาสตร์ เพิ่มทักษะภาษาจีน และภาษาอาเซียน รองรับการเป็นฮับ การเพิ่มทักษะภาษาที่ 3เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับกำลังคนที่จะป้อนออกสู่อุตสาหกรรม และมีค่าตอบแทนสูงขึ้นตาม

นายวรชิต รัตนจินดา Management Executive บริษัท โปรเฟรท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้ประกอบการในธุรกิจโลจิสติกส์มานานกว่า 30 ปี ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด หนึ่งในสิ่งที่ท้าทายที่สุดในปัจจุบันคือ การปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ในธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นกลุ่มเจเนอเรชันวัยกลางคน ซึ่งอาจไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหมือนกลุ่มเจเนอเรชันใหม่ ๆ ที่เติบโตมาในวิถีดิจิทัลไลฟ์ การรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน การเติมเต็มช่องว่าง เกิดมุมมองและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจโลจิสติกส์.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม