ส่อง "ขบวนพาเหรดล้อการเมือง" งานฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2024

31 มี.ค. 67

งานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ - ธรรมศาสตร์ 2024 แปรอักษรรูปแบบใหม่ด้วยการใช้จอ LED ส่วนไฮไลต์ขบวนพาเหรด เงิน 1 หมื่นบาทรอหน่อยนะสู

เมื่อเวลา 14.00 น. (31 มี.ค.67)ผที่สนามศุภชลาศัย มีการจัด "งานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" CU-TU Unity Football Match 2024 สำหรับการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังหยุดไปนาน 4 ปี นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนชื่องานจาก "ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" มาเป็นงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ภายใต้แนวคิด "Unity to Sustainability" เพื่อสร้างเอกภาพของทั้งสองมหาวิทยาลัย 

ก่อนหน้างานนี้จะเริ่มขึ้น ชมรมเชียร์และแปรอักษร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์เรื่องงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2024 โดยระบุว่า ชมรมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดงาน หรือการแปรอักษรในงานดังกล่าวแต่อย่างใด 

สำหรับบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก กิจกรรมเริ่มด้วยขบวนพาเหรด ประกอบด้วยขบวนการเมืองและขบวนสะท้อนสังคม การแปรอักษรรูปแบบใหม่ด้วยการใช้จอ LED กว่า 400 จอ ไม่มีการบังคับให้นักศึกษาขึ้นสแตนด์แปรอักษรเหมือนที่ผ่านๆ มา โดยมีทั้งข้อความหยอกล้อกันของทั้ง 2 สถาบัน รวมถึงข้อความที่แสดงถึงปัญหาสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและสิ่งแวดล้อม

สำหรับขบวนพาเหรดสะท้อนสังคมของจุฬาฯ นั้น มีการเขียนข้อความบนป้ายผ้าเพื่อเสนอความคิด สะท้อนปัญหาสังคมต่างๆ เช่น ปัญหาการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความเท่าเทียมทางเพศ การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม

นอกจากนี้ มีการล้อการทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เช่น การเดินสายเจรจานักลงทุนในหลายประเทศ เพื่อมาลงทุนในประเทศไทย การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยมีความความว่า "มีนาแล้วเมื่อไหร่จะมีเงินหมื่น" และข้อความว่า "เงิน 1 หมื่นรอหน่อยนะสู" รวมถึงกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ขบวนพาเหรดของกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ถือเป็นไฮไลต์ที่ถูกจับตามอง มีการเขียนข้อความบนป้ายผ้าสะท้อนปัญหาสังคมต่างๆ เช่นกัน มีการสร้างหุ่นจำลองนักการเมือง เนื้อหาปีนี้ประกอบด้วย ป้ายข้อความนำหน้าที่เขียนว่า "ล้อรถหมุนส่งขังชนคนชังชาติ ประกาศใช้กฎหมายล่าล้างผลาญ เมืองหยุดนิ่งหยุดทุกสิ่ง โดยมวลมาร ไทสราญ ใต้ศักดา อำมาตยาธิปไตย"

ขบวนที่ 2 คือ กรอบรูปที่ว่างเปล่า ตามด้วยป้ายข้อความตามหลังว่า "ภาพประเทศไทยในฝันของใคร ฝันใหญ่ประชาฝันมากมายคนเท่าในศักดิ์ศรี ฝันมากมายของข้าถูกย่ำยี ฝันข้านี้ดับโดยท่านทุชนา" เพื่อเปรียบดั่ง Viewfinder ของกล้องถ่ายรูป หากเรามองเข้าไปภายในกรอบนี้ จะเห็นถึงปัญหาของประเทศไทย ที่ไม่เป็นไปดั่งฝันที่หลายๆ คนคาดหวังเอาไว้ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา

โดยสรุปแล้ว ภาพฝันของประเทศไทยนั้น "ก็ยังว่างเปล่า" เหมือนกับกรอบภาพที่กลวงโบ๋ คนมีอำนาจก็ยังหวังครอบงำอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน ภาพฝันจึงเป็นอะไรไม่ได้มากเพียงไปกว่าการหลอกตัวเองว่าความหวังยังคงมีอยู่ โดยที่เราไม่อาจที่จะเผชิญหน้าอำนาจที่ซับซ้อน และหลอกหลอนเราด้วยข้อจำกัดที่อยุติธรรม

ส่วนขบวนต่อมา เป็นหุ่นเบี้ยวางบนกระดานหมากรุก ซึ่งหุ่นตัวนี้มีหัวเป็นคน ใช้ชื่อขบวนว่า "เบี้ยเสดถา" โดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง ระบุว่า ต้องการสื่อถึงเบี้ยในกระดานหมาก เป็นหมากที่มีหน้าที่ในการปกป้องขุน ซึ่งขุนเปรียบดังระบอบอภิสิทธิ์ชนที่กำลังกัดกินประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันนั้นเกิดมีการหักหน้าย้ายขั้วทางการเมือง การที่เบี้ยมีสองหน้านั้นสื่อถึงการเปลี่ยนขั้วที่หันเข้าปกป้องระบอบอภิสิทธิ์ชนอย่างเต็มรูปแบบ

 

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส