ก.เกษตรฯ ส่งเสริมแปลงใหญ่กล้วยหอมทองปทุมธานี มุ่งขับเคลื่อนด้วย BCG Model

30 มี.ค. 67

ก.เกษตรฯ ส่งเสริมแปลงใหญ่กล้วยหอมทองปทุมธานี มุ่งขับเคลื่อนด้วย BCG Model พร้อมยกระดับสู่การเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงใหญ่กล้วยหอมทอง โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนวนิตย์ พลเคน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรแลพสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ตำบลนพรัตน์ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งขับเคลื่อนงานระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ด้วยเศรษฐกิจแบบองค์รวม และกำลังพัฒนายกระดับสู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ในโครงการ 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง

ก.เกษตรฯ ส่งเสริมแปลงใหญ่กล้วยหอมทองปทุมธานี มุ่งขับเคลื่อนด้วย BCG Model

สำหรับแปลงใหญ่กล้วยหอมทองตำบลนพรัตน์ขับเคลื่อนงานภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม หรือ BCG Model เพื่อปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรสู่ 3 สูง ได้แก่ ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และรายได้สูง โดยด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) มีการจัดทำแปลงต้นแบบกล้วยหอมทองปทุมธานี ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์กล้วยหอมเป็นสินค้ากล้วยหอมทองทอดกรอบ กล้วยหอมทองทอดสุญญากาศ เค้กกล้วยหอมทอง และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ส่งเสริมสนับสนุนการนำวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตมาทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในแปลงปลูก ส่งเสริมและสนับสนุนการนำกาบกล้วยมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ถุงรักษ์โลก กระถางชีวภาพ พัฒนาเป็นเส้นใยกล้วยเพื่อเป็นสิ่งทอ ประชาสัมพันธ์และจัดทำแหล่งเรียนรู้/แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และด้านเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ส่งเสริมให้เกษตรกรปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP และ GI มีการป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดทั้งในกระบวนการผลิตและการแปรรูป มีประชาสัมพันธ์การบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรอัตลักษณ์ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรฯ ได้ส่งเสริมการทำเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ ตั้งแต่ปี 2564 โดยผลักดันให้เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นแปลงใหญ่กล้วยหอมทองตำบลนพรัตน์ มีการทำแผนและปฏิทินร่วมกัน เพื่อไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิต (ค่าแรงงาน ค่าวัสดุ ค่าเช่าที่ดิน และรายจ่ายอื่น ๆ) จากเดิมมีการลงทุนการผลิต ซึ่งมีรายจ่ายโดยรวมประมาณ 41,042 บาทต่อไร่ สามารถลดต้นทุนการผลิต เหลือ 35,142 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 15 จากการลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิต เพาะหน่อพันธุ์ดีไว้ใช้เอง ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืช และช่วยเพิ่มผลผลิต จากเดิม 4,000 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 5,000 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 20 สร้างรายได้เพิ่มจากเดิม 8,458 บาทต่อไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 14,858 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 60 จากการดูแลรักษาตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ปลูก เลือกต้นพันธุ์คุณภาพ นอกจากนี้ จากภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ ปัจจุบันมีเกษตรกรสมาชิก 23 ราย พื้นที่ปลูกรวม 800 ไร่ สมาชิกได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GAP แล้วจำนวน 13 ราย พื้นที่ 542 ไร่ และมีสมาชิกได้การรับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI “กล้วยหอมทองปทุม” จำนวน 21 ราย พื้นที่ 1,203 ไร่ โดยกลุ่มมีแผนที่จะพัฒนาให้เกษตรกรในกลุ่มแปลงใหญ่ทุกคนได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งหมด

advertisement

ข่าวยอดนิยม