เริ่มแล้ว! ศึก สว.ซักฟอก ครม.เศรษฐา1 สว.เสรี เปิดฉากคนแรก ขณะที่ นายกฯ ลุกขึ้นแจงทันที

25 มี.ค. 67

 

เริ่มแล้ว! ศึก สว.ซักฟอก ครม.เศรษฐา1 สว.เสรี เปิดฉากคนแรก ฉะนายกฯชอบเดินทางต่างประเทศ เมินแก้ไขปัญหาปชช. ขณะที่ นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจง 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 มี.ค. 67 ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาญัตติ เรื่องขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงแนวทางปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 

โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม และนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง 

อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นต้น 

ทั้งนี้นาย ศุภชัย กล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุม เพื่อรับฟัง และแถลงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยสมาชิกวุฒิสภามีความประสงค์อภิปรายจำนวน 27 คน โดยญัตติที่เสนอจะอภิปรายถึงปัญหาสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน 7 ด้าน ได้แก่ 1.ปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติและปัญหาปากท้องของประชาชน 2. ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย 3.ปัญหาด้านพลังงาน 4.ปัญหาด้านการศึกษาและสังคม 5.ปัญหาด้านการต่างประเทศและการท่องเที่ยว 6ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7.ปัญหาการดำเนินการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 

โดยมีระยะเวลาในการอภิปราย 15 ชั่วโมง แบ่งเป็น สว.อภิปราย 11 ชั่งโมง 30 นาที ครม.ชี้แจง 3 ชั่วโมง และเวลาประธานที่ประชุม 30 นาที 

จากนั้นนาย เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะผู้เสนอญัตติ ได้แถลงต่อที่ประชุมว่า ในการยื่นอภิปรายดังกล่าวนี้ถูกพูดถึงว่าเป็นการซักฟอกรัฐบาล และเป็นการล้มรัฐบาล เป็นการทำให้รัฐบาลเสียหายนั้น ความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด ทำให้ในทางการเมืองไม่มีใครกล้าที่จะยื่นขอเปิดอภิปราย เพราะเกรงว่าจะกระทบกับพวกตัวเอง กับคนมีอำนาจ ทำให้การทำงานลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นได้ยาก แม้กระทั่งใน สว.เองก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะได้สมาชิกลงชื่อ 90 กว่าคนไม่ใช่เรื่องง่าย ฝ่ายรัฐบาลเองก็ออกมาพูดว่าลงชื่อไม่ครบ ลงชื่อแล้วไม่มีใครอภิปราย เหมือนเป็นยาหม้อดำที่ไม่อยากให้พูดถึง เพราะฉะนั้น สว.ชุดนี้ และมี สว.ลงชื่อเกิน 1 ใน 3 ตามรัฐธรรมนูญได้ลงชื่อเพื่อขอให้ ครม.มาพูดคุยกันในที่ประชุมแห่งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ 

นาย เสรี กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่มีเจตนา ไม่มีอคติ ไม่มีการพูดก่อให้เกิดความเสียหาย การเปิดอภิปรายครั้งนี้ต้องทำอย่างรวดเร็วและฉับพลัน เพราะถือเป็นปัญหาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญได้เปิดให้ สว.ยื่นอภิปรายแบบนี้ปีละ 1 ครั้ง รัฐบาลควรรีบมาฟังปัญหาเพื่อนำไปแก้ไขให้กับประชาชน แต่รัฐบาลก็ใช้เวลาเกือบ 2 เดือนกว่าจะกำหนดเวลาให้ และกำหนดให้ประชุมเพียงแค่วันเดียว ซึ่งรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ ทำให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาให้กับประเทศและประชาชน หากมีการเปิดอภิปรายทั่วไปอีก รัฐบาลอย่ามองในแง่ร้าย ที่ผ่านมารัฐบาลกลับเอาเวลาไปใช้อย่างอื่นที่สำคัญน้อยกว่า เช่น การเดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศหลายครั้งในช่วงที่เข้ามาบริหารประเทศ 

และยังเอาเวลาไป จ.เชียงใหม่ ไปกินอาหาร กินไวน์ ทั้งที่ฝุ่นเต็มเมืองเชียงใหม่ ตนยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ท่านใช้เวลาเหล่านี้โดยไม่ให้ความสำคัญในการมารับฟังว่าการบริหารประเทศมีปัญหาอะไร แต่กลับไปสูดฝุ่นควันที่เชียงใหม่ ทำให้พรรคฝ่ายค้านไปชิงโอกาสตัดหน้าไปดูไฟไหม้ป่าต่างๆ วันนี้นายกฯมาเอง ก็เป็นไปตามที่ตนภาวนา ที่มาร่วมประชุมกับวุฒิสภา ถือเป็นประโยชน์กับรัฐบาลเอง 

“สว.ชุดนี้ แม้จะมาจากการแต่งตั้ง แต่ก็มาตามระบบ และเป็นตัวแทนของประชาชนเช่นเดียวกัน สว.ชุดนี้เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ พบปัญหาบ้านเมืองมากมาย เขาจะทำรายงานเสนอรัฐบาล แล้วรัฐบาลได้หยิบยกมาพิจารณาบ้างหรือไม่” 

ด้านนายเศรษฐา ลุกขึ้นชี้แจงว่า ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ภายใต้การนำของตน รัฐมนตรีทุกคนให้เกียรติกับฝ่ายนิติบัญญติทั้งสองสภา เมื่อไหร่ที่ฝ่ายนิติบัญญติมีข้อสงสัย เราก็ยินดีมาตอบด้วยความเต็มใจ ไม่เคยมีความคิดว่าทำไม 8-9 ปีมาไม่เคยมีการเรียกอภิปราบในมาตรานี้ แล้วทำมาแค่ 7เดือนแล้วถึงมี เราทราบหน้าที่ดีว่าต้องปฏิบัติตามรับธรรมนูญไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ต้องมาตอบเรื่องการทำงานของเราให้กระจ่าง 

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งนั้น เป็นเรื่องความจำเป็น ทั้งการประชุมอาเซียน เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีของผู้นำใหม่ที่ต้องไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ตนให้ความตระหนักดีในการใช้เวลาการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด รับทราบถึงข้อกังวล และเชื่อว่าเราใช้เทคโนโลยีในการบริหารราชการกับคณะรัฐมนตรี และข้าราชการที่มีความส่วนเกี่ยวข้องในการนำพาประเทศได้ บางครั้งไม่จำเป็นต้องมาเจอกันตัวต่อตัว เช่นที่ จ.เชียงใหม่ตนก็เดินทางไปหลายหน แม้เรื่องของฝุ่นจะยังมีแต่ก็ลดลงไป และการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ครั้งล่าสุดก็ไปทำงาน ก่อนจะไปประชุม ครม.สัญจรที่ จ.พะเยา ส่วนที่ทานไวน์วันนั้นยืนยันได้ว่าไม่ได้ทาน เพราะไม่สบาย และตนให้ความสำคัญกับการเดินทางลงพื้นที่ 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนเรื่องงบประมาณได้เพิ่งได้รับการอนุมัติเห็นชอบไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวในการที่จะไม่บริหารราชการ หรือเป็นข้ออ้างที่ไม่ช่วยเหลือประชาชน นโยบายหลักของเราหลายอย่าง ทั้งพักหนี้เกษตรกร วีซ่าฟรีของนักท่องเที่ยวก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณ รัฐบาลเราให้ความสำคัญ และการลดค่าใช้จ่าย เรื่องราคาสินคาเกษตร เราก็ต้องช่วยเหลือดูแล ราคายางที่สูงขึ้นเกือบ 100 บาท เป็นเพราะจากการที่เราไปเปิดตลาดใหม่ และเข้มงวดเกี่ยวกับเรื่องการนำเข้า ทำให้ราคายางในประเทศไทยสูงขึ้น เรื่องการลงทุนต่างประเทศหลายเรื่องอะไรที่รัฐบาลก่อนทำมาดี เราก็ไม่ได้ปัดตกทุกเรื่อง เราเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อยกการลงทุนมา ยืนยันว่าเรารับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนเรื่องหนี้นอกระบบนั้นยังไม่จบ และยังมีผู้ที่ไปกู้หนี้นอกระบบไม่อยากเข้ามาเคลียร์ ก็เป็นหน้าที่ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่ให้เขาเข้ามาแจ้ง เรื่องนี้เราตระหนักดี เรื่องดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม เราให้ความสำคัญ และจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมจริงๆ โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารต่างๆ ก็มีส่วนเข้าไปช่วยสนับสนุนด้วย ตนรับฟังและเห็นด้วยว่าปัญหายังไม่ได้ถูกแก้ไข แต่อย่างน้อย 7เดือนก็มีความคืบหน้าในการบริหารจัดการ และยืนยันว่า ครม.ให้เกียรติและพร้อมมาตอบคำถาม

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม