ทนายไพศาล แฉอาจารย์ดัง ปลอมใบรับรองผลิตหน้ากากกันพิษ

18 มี.ค. 67

ทนายไพศาล แฉอาจารย์ดัง ทำวิจัยใช้ใบรับรองปลอมผลิตหน้ากากกันพิษ มูลค่า 3 ล้าน 8 แสนบาท

 

เมื่อเวลา 10.00 น. ทนาย ไพศาล เรืองฤทธิ์ เดินทางเข้ายื่นหนังถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี) ขอให้รัฐเข้าไปตรวจสอบ

กรณี อาจารย์คนดัง ใช้เอกสารปลอมในโครงการจัดหาหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหาร ส่อแววทุจริตเงินหลวงในการทำวิจัย เป็นจำนวนเงิน 3,800,000 บาท โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการใช้เอกสารรับรองคนละประเภทและขอติดตามการทำงานของ หน่วยงานที่รับผิดชอบ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยทนาย ไพศาล อยากให้ทราบผลโดยเร็วเนื่องจากเรื่องนี้ผ่านมาระยะเวลา 5-6 ปี แล้ว หลังจากยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลและจะไปยื่นหนังสือต่อโฆษกกระทรวงกลาโหม โดยมี สส.จิรายุ ห่วงทรัพย์ รอรับเรื่องอยู่ที่กระทรวงกลาโหม

ด้านทนายไพศาล เปิดเผยว่า เนื่องจากได้รับข้อมูลพยานหลักฐานมาจากแหล่งข่าวว่า ทางกองทัพบกได้มีการพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษ โดยมีการทำMOAวิจัยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ โดยจัดทำในช่วงของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการทำวิจัยเกี่ยวกับยางพารา เนื่องจากราคายางตกต่ำ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร จึงมีโครงการวิจัยและพัฒนาการหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหาร เพื่อใช้ภายในประเทศ โดยมี รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด เป็นหัวหน้าโครงการและคนที่เกี่ยวข้อง โดยประเด็นที่น่าสงสัยคือมีการใช้เอกสารปลอม ซึ่งมีการแถลงข่าวแล้วเมื่อปี 61 ว่า อาจารย์คนดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ทนายไพศาล กล่าวว่า ขอให้ตรวจสอบ โดยทางกองทัพได้มีการแจ้งไปที่กองปราบ และกองปราบใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช. ปัจจุบันล่วงเลยมาระยะเวลา 6 ปีแล้ว อยากทราบว่ามีการไต่สวนมีการเรียกคณะกรรมการเข้าชี้แจงและชี้มูลความผิดใดๆหรือไม่ ซึ่งตนถือว่า จำนวนเงิน 3.8 ล้านบาท เป็นงบประมาณแผ่นดิน โดยพลเอกประยุทธ์ ได้สั่งให้ผลิตหน้ากากจำนวน 50,000 ชิ้น เป็นเงิน 150 ล้านบาท ซึ่งรออยู่แล้ว โดยทางทหารได้มีการตรวจสอบว่าโครงการวิจัยดังกล่าว ไม่ชอบมาพากล วันนี้ทนายก็อยากจะขอให้ตรวจสอบในประเด็นหลายเรื่อง ผลสุดท้ายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนขอพูดไว้เลยว่า “ ใครมันผู้ใด นำเงินหลวงไปใช้ต้องได้รับโทษ“.

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส