“เดวิส” ฝรั่งเตะหมอ มีคู่กรณีอีก งานนี้ไม่จบง่ายๆ อาจมีตร.ใหญ่เคลียร์เรื่องให้ด้วย

2 มี.ค. 67

คู่กรณีอีกรายเผย ถูกเดวิสขับออดี้แซงขวาขณะขับรถพยาบาลจะยูเทิร์น แล้วกลับถูกชูนิ้วกลาง ทำสัญลักษณ์ปืนจ่อหัว ก่อนด่าฟัคยู! งง ด่ามาด่ากลับไม่โกง สุดท้ายตนโพสต์ประจาน ดันถูกแจ้งข้อหา พรบ.คอมฯกลับ แถมมี ตร.ใหญ่พยายามเคลียร์อีก ทนายฝรั่งบังคับโพสต์ขอโทษ บอกตัวเองโกหก 

จากที่มีการเผยแพร่คลิปของชายรายหนึ่งซึ่งเป็นพนักงานขับรถของโรงพยาบาลถลาง จ.ภูเก็ต ถูก “นายเดวิส“ ซึ่งขับรถหรู ออร์ดี้ สีดำ ป้ายแดง เบียดแซงขวาและปาดหน้า แล้ว “นายเดวิส” ยังหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิปรถพยาบาลไว้อีกด้วย โดยภายหลังทราบชื่อคนขับรถพยาบาลคือ “ว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์ ฮ้อบุตร“ ซึ่งเจ้าตัวได้โพสต์คลิปดังกล่าวลงในกลุ่มเฟสบุ๊ค ”ขับรถแบบนี้ต้องประจาน ภูเก็ต“ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 และเขียนเล่าเรื่องราวไว้ว่า

”#รถยนต์ยี่ห้อAudiป้ายทะเบียน …..ภูเก็ตป้ายแดง คนขับเป็นชายต่างชาติสันดานหมาไม่แดก

เป็นญาติ หรือเพื่อนฝูงใคร ฝากบอกด้วยนะครับ อย่าเอาสันดาน นิสัยหมา ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศตัวเอง มาใช้กับคนไทย

เริ่มต้นด้วยการขับรถ ตามหลังไปปกติ สังเกตเห็นลงกระจกประมาณ 1 คืบ เอามืออกมา ทำสัญลักษณ์ที่ไม่เข้าใจ 4 นิ้วชี้ ๆ ไปที่บริเวณหลังคา จนมาถึงจุดกลับรถหน้าบ้านหยี่เต้ง กลับรถตามหลัง มึงชูนิ้วกลาง ไอ้สัตว์!!! ไอ้เราก็ลงกระจก แต่ไม่ได้ทำสัญลักษณ์อะไรเลย ลงกระจกปั๊บ ได้ยินเสียงมันด่า ฟรัคยู!!! สวนกลับแหละ ฟรัคยูพ่อมึงแหละ แล้วก็ตามหลังไปปกติ ชูนิ้วกลางอยู่พักนึง แล้วทำนิ้ว 2 นิ้วคล้ายปืนมาจ่อหัวตัวเอง บ่งบอกถึงจะยิงหัวงั้นเหรอ หรอยจังนะมึง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป(ตามคลิปที่เห็น) เพื่อนที่นั่งข้างเลยถ่ายคลิปด้วยความงง!!! ว่ามันเรื่องอะไรกัน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันมา อารมณ์ยังค้าง ถ้าฝรั่งต่างชาติตัวนี้เป็นเพื่อนใคร มีปัญหาทักมาได้นะ พร้อมทุกระบบ #ประชากรต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศไทยกรุณาอย่าเอาสันดานหมาๆของประเทศตัวเองมาใช้ในประเทศไทย #ประชาชากรต่างชาติมาเที่ยวควรทำตัวให้สมควรกับการมา

ท่องเที่ยว #กระทรวงการท่องเที่ยว #ขับAudiแล้วอย่าทำหรอย #ต่างชาติคนเดียวจะเสียหมดทุกชาติ“

ล่าสุดวันนี้ 2 มีนาคม 2567 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีมีโอกาสได้คุยกับ ”ว่าที่ร้อยตรีวิบูลย์“ เจ้าตัวบอกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 09.55 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ขณะที่ตนกับเพื่อนกำลังขับรถพยาบาลเพื่อไปออกหน่วยตรงจุดฉีดวัคซีนที่ห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อนจะถึงตนต้องกลับรถที่หมู่บ้านหยีเต้ง ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จึงขับชิดขวาตามปกติ แต่ก่อนถึงจุดกลับรถก็มีรถยนต์ออดี้สีดำ ทราบภายหลังว่า “นายเดวิส” เป็นคนขับ ขับเบียดขวาขึ้นมาแล้วปาดหน้าขึ้นไป จากนั้นก็ชูนิ้วกลางออกมาทางกระจกฝั่งคนขับ แล้วก็เปลี่ยนเป็นทำนิ้วสัญลักษณ์ปืนพร้อมจ่อไปที่ศรีษะของเขาเอง

ตนกับเพื่อนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่มีการบีบแตร ไม่มีการตะโกนด่าด้วย เนื่องจากตนรู้ตัวว่าตอนนั้นกำลังขับรถของโรงพยาบาล พอขับไปถึงวงเวียน ตนก็พยายามจะลดกระจกเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับโดน “นายเดวิส” ตะโกนด่าออกมาว่า “Fuck you” พร้อมกับชูนิ้วกลางใส่อีกรอบ ตนก็เลยโมโห จึงได้สวนกลับไปว่า “Fuck you พ่อมึงเหรอ“  ทำให้ ”นายเดวิส“ ขับรถหนีไปอย่างเร็ว แต่ติดไฟแดง จึงไปไหนไม่ได้ ระหว่างนั้นตนก็ชะลอรถเพื่อดูเชิงว่าเขาจะทำอะไร ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะถูกดักทำร้าย แต่กลายเป็นว่า ”นายเดวิส“ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย เพื่อนของตนจึงถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย ก่อนที่จะแยกย้ายกันที่บริเวณวงเวียนนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ตามคลิปที่เห็น

ทำให้ช่วงกลางวันของวันนั้นตนพยายามค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำว่า “Fuck you” เพราะคนไม่เก่งภาษามาก ถึงได้รู้ว่าเป็นคำด่าที่หยาบคายมาก ก็เลยนำคลิปที่เพื่อนถ่ายไว้ได้นำไปโพสต์ลงในกลุ่มเฟสบุ๊ค และช่วงประมาณ 20.21 น. ของวันเดียวกัน หลังจากเสร็จงานก็เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ถลาง เพราะกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัยและต้องการเตือนในฐานะผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน

หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 4-5 วันก็มีผู้หมวดของ สภ.เชิงทะเล รายหนึ่งประสานมายังร้อยเวรเพื่อนัดตนเข้าไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี จึงมีการนัดเข้าไปพูดคุยกันช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 ที่ สภ.เชิงทะเล เมื่อไปถึงก็พบว่า “นายเดวิส” กับภรรยาได้เดินทางมาด้วย โดยผู้หมวดแจ้งกับตนว่าการที่โพสต์โดยมีการเปิดเผยทะเบียนรถของ “นายเดวิส” ลงสื่อโซเซียลแบบนั้น มีความผิดทางกฎหมาย จึงขอให้ตนลบโพสต์ แต่ขณะเดียวกันตนสังเกตเห็นว่าภรรยาของ “นายเดวิส” ดูโกรธมากจนตัวสั่น สีหน้าดูโมโห หันไปพูดกระซิบกับสามีประมาณว่า “เรามีชื่อเสียงนะ” แล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาตบตน แต่ “นายเดวิส” ห้ามไว้ และมีผู้หมวดคอยกั้นไว้อีกที ตอนนั้นตนก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่

วันที่ 10 มกราคม 2567 ตนก็เลยตัดสินใจโพสต์ข้อความลงในกลุ่มเฟสบุ๊คดังกล่าวว่า “ขออนุญาตชี้แจงเพื่อนสมาชิกทางเพจ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์บนท้องถนน ด้วยเหตุสุดวิสัย จนเกิดการเข้าใจผิดกัน หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมและคู่กรณีได้นัดพบกัน เพื่อปรับความเข้าใจเหตุการณ์วันนั้นและได้ทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว แจ้งสมาชิกเพื่อทราบ“

จากนั้นวันที่ 11 มกราคม 2567 ผู้หมวดรายเดิมก็นัดให้ตนเข้าไปพบที่ สภ.เชิงทะเลอีกรอบ แต่พอตนไปถึงก็มีผู้กองหญิงคนหนึ่งเข้ามาดำเนินการแทน โดยบอกว่ามีโทรศัพท์จากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด ซึ่งบุคคลปลายสายก็ถามตนว่าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ มีลูกมีเมียหรือยัง แล้วก็พูดทำนองดูหมิ่นเหยียดหยามว่า “เงินเดือนแค่นี้จะไปสู้คดีกับเขาได้หรอ” ยอมรับว่าฟังแล้วเสียใจมาก

แต่ที่รู้สึกงงไปมากกว่านั้นคือก่อนจะวางสาย ทางตำรวจปลายสายบอกให้ตนเอาเอกสารชี้แจงที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้ ไปโพสต์ลงในกลุ่มที่ตนเคยโพสต์คลิปขณะเกิดเหตุ เป็นเวลา 7 วัน โดยรายละเอียดในเอกสารระบุว่า

“ตามที่ข้าพเจ้าได้โพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอลงในเพจเฟซบุ๊ก ขับรถแบบนี้ต้องประจาน ภูเก็ต ข้าพเจ้าขอชี้แจงให้เข้าใจดังนี้ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 09.50 น. ข้าพเจ้าได้ขับรถ และได้พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อออดี้ ป้ายแดงทะเบียน….ภูเก็ต ขณะนั้นข้าฯไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งข้าพเจ้าได้ขับรถจ่อท้ายในระยะกระชั้นชิด ต่อมาข้าพเจ้าเห็นว่าผู้ขับขี่เป็นชายชาวต่างชาติทราบภายหลังคือ Mr.Urs อายุ 44 ปี สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ได้นำโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปรถของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้เช่นกัน หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้นำคลิปวิดีโอที่ข้าฯได้บันทึกไว้ขณะเกิดเหตุไปโพสต์ในเพจขับรถแบบนี้ต้องประจาน ภูเก็ต โดยกล่าวหาว่า Mr.Urs ได้ทำนิ้ว 2 นิ้วคล้ายปืนมาจ่อหัวตัวเอง บ่งบอกถึงจะยิงหัวเอานั้นและด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพียงข้าพเจ้าเข้าใจผิดไปเอง จึงกราบเรียนมายัง Mr.Urs เพื่อขอโทษและขออภัยในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำขึ้นและขอให้ยกโทษให้ข้าพเจ้าในความผิดครั้งนี้ และข้าพเจ้าจะถอนคำร้องทุกข์ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวหา Mr.Urs ว่าได้ทำนิ้ว 2 นิ้วคล้ายปืนมาจ่อหัวตัวเอง ข่มขู่ ข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้ร้องทุกข์ไว้ ที่ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต

จากเหตุการณ์ดังกล่าว Mr.Urs ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับข้าพเจ้า ในข้อหาหมิ่นประมาทและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ที่ สภ.เชิงทะเล จ.ภูเก็ต ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณ Mr.Urs ที่ให้อภัย ข้าพเจ้าในความผิดครั้งนี้

ข้าพเจ้าได้ทำบันทึกด้วยความสมัครใจ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดบังคับ ขู่เข็ญ หรือหลอกลวง ด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้นและข้าพเจ้าจะนำบันทึกนี้ไปโพสต์ในเพจขับรถแบบนี้ต้องประจาน ภูเก็ต เป็นเวลา 7 วัน ข้าพเจ้าเขอยืนยันว่าเป็นความจริงถูกต้อง จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน“

ซึ่งเมื่อภรรยาของตนกับเพื่อนที่ไปด้วยในวันนั้นได้อ่านข้อความทั้งหมด ก็ถามกลับไปยังผู้กองหญิงว่า “ถ้าโพสต์ครบ 7 วันแล้ว ฝรั่งจะถอนแจ้งความหรือไม่?” ทางผู้กองหญิงก็ตอบกลับมาว่า “ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคู่กรณี” ตนก็เลยยังไม่ได้เซ็นและโพสต์เอกสารฉบับนั้นลงเฟสบุ๊ค

แล้วไม่นานตำรวจที่ถูกอ้างว่าเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดก็โทรมายังโทรศัพท์ของผู้กองหญิงอีกรอบ แล้วขอคุยกับตน บอกว่าไม่ต้องโพสต์เอกสารฉบับดังกล่าวเป็นเวลา 7 วันแล้ว แต่ขอให้ตนอัดคลิปพูดตามเนื้อหาในเอกสาร แล้วโพสต์ลงกลุ่มเดิมแทน ตนก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าทำไมต้องทำ เพราะมันเหมือนเป็นการยอมรับว่าตนเองให้ข้อมูลเท็จ ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวที่ตนเล่าไปในโพสต์ก่อนหน้านี้เป็นความจริงทั้งหมด

จากนั้นวันที่ 17 มกราคม 2567 ผู้หมวดที่ สภ.เชิงทะเล โทรศัพท์มาบอกให้ตนเข้าไปที่โรงพักในวันรุ่งขึ้น เพราะทางผู้กำกับอยากจะคุยเคลียร์ให้จบ ตนกับภรรยาก็เลยเดินทางไปในวันที่ 18 มกราคม 2567 โดยมี “นายเดวิส” พร้อมภรรยากับทนายมาด้วย ซึ่งด้านของทนายของ “นายเดวิส” ก็ยังยืนยันว่าอยากให้ตนโพสต์ขอโทษลงในกลุ่มเฟสบุ๊กเดิมและมีข้อบังคับของข้อความหลายอย่าง จนทำให้ตนรู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกบังคับ จึงพูดออกไปว่า “ทนายครับ งั้นเอาโทรศัพท์ของผมไปพิมพ์เลยดีกว่า แล้วผมจะเอามาสแกนดูอีกที” แล้วทนายก็เอาไปพิมพ์ โดยเขียนข้อความว่า

”กระผมว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์ ฮ้อบุตร ต้องกราบขอโทษ ที่ได้โกหกและได้โพสต์ไม่ดีเกี่ยวกับรถ Audi RS Q8 ลงในกลุ่มนี้ ที่มีชาวต่างชาติเป็นคนขับ ผมได้ทำผิดไปแล้ว และเสียใจมากกับเหตุการณ์นี้ จึงอยากจะขอโทษชาวต่างชาติคนนั้นจริงๆ และผมสัญญาว่าจะไม่โกหกแบบนี้อีก และจะไม่ทำตัวแย่ๆ บนท้องถนนแบบนี้อีกแล้วครับ #ประชาชากรต่างชาติมาเที่ยวควรทำตัวให้สมควรกับการมาท่องเที่ยว #กระทรวงการท่องเที่ยว #ขับAudiแล้วอย่าทำหรอย #ต่างชาติคนเดียวจะเสียหมดทุกชาติ โกหก“

ซึ่งเมื่อภรรยาของตนอ่านก็ถึงกับตกใจ ว่าตนไปโกหกและทำตัวแย่ ๆ ตอนไหน ก็เลยขอเอาคำว่า “โกหก” กับ “ทำตัวแย่ๆ” ออก แต่ “นายเดวิส” ทำสีหน้าไม่โอเค ก่อนจะลุกขึ้นออกจากห้องประชุมไป กลายเป็นว่าวันนั้น ตนก็ไม่ได้โพสต์ข้อความนั้นลงเฟสบุ๊ค แถมในตอนท้าย นายตำรวจใน สภ. ยัง เดินมาพูดกับตนอีกว่า “คดีคุณ มีโอกาสติดคุกนะ” แล้วก็ไปคุยกับภรรยาของตนว่า “คุณอยากอยู่คนเดียวหรอ พิมพ์ ๆ โพสต์ ๆ ไปเถอะ” ตนที่ได้ยินก็อดใจไม่ได้ว่ากำลังถูกยัดเยียดให้กลายเป็นผู้ผิด

แล้วล่าสุดคือเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ผู้หมวด สภ.เชิงทะเล โทรศัพท์ให้ตนเข้าไปพบในวันที่ 27 มกราคม 2567 ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากตนติดธุระก็เลยเลื่อนนัดไปเป็นวันที่ 6 มีนาคม 2567 แต่จนถึงตอนนี้ทางผู้หมวดก็ยังไม่ได้มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด โทรไปก็ไม่รับสาย กลายว่าคดีของตนก็ยังไม่จบ

”ว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์“ ยืนยันว่าการที่ตนโพสต์คลิปและข้อความลงไปตั้งแต่แรก เพราะมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เขียนไปมันเกิดขึ้นจริง แล้วสัญลักษณ์ชูนิ้วกลางก็ชัดเจนว่าเป็นการด่าหยาบ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าการที่ตนไปมีเรื่องกับ ”นายเดวิส“ ที่เป็นฝรั่งขับรถหรูแบบนี้จะส่งผลอันตรายอะไรกับตัวเองหรือเปล่า จะมีความปลอดภัยไหม จะโดนเก็บไหม สักวันอาจโดนยิงหัว แล้วความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะขณะที่เรื่องของตนยังไม่จบ เขายังกล้าไปก่อเหตุกับแพทย์หญิงได้อีก

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส