ป.ป.ช.ตรัง ชี้มูลความผิด "กิจ หลีกภัย " พี่ชาย "ชวน" กับพวก ซื้อที่ดินสร้างท่าเรือแพงเกินจริง

27 ก.พ. 67

ป.ป.ช.ตรัง มีมติชี้มูลความผิด "อดีตนายกกิจ" พี่ชาย "ชวน หลีกภัย" กับพวก ซื้อที่ดินสร้างท่าเรือแพงเกินจริง

27 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมลิบง ชั้น 2 ศาลากลาง จ.ตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง และ นายกฤษณะ สุขอนันต์ พนักงานไต่สวนระดับสูงได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีมีการชี้มูลความผิดตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหากล่าวหานายกิจ หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง กับพวก รวม 13 ราย ว่าจัดซื้อที่ดินเพื่อนำมาก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ท่าเรือตรัง) ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง มีราคาสูงเกินจริง

1_16

จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ในการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวมี 2 ครั้งในการจัดซื้อที่ดินครั้งที่ 1 นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้ขออนุมัติ ต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เพื่อจ่ายขาดเงินสะสม เป็นเงินจำนวน 25,000,000 บาท เพื่อจัดซื้อที่ดินก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ โดยได้มีการชี้แจงต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังว่าจะซื้อที่ดินจากนายปรีชา เศรษฐวรพันธุ์ รวมเนื้อที่ 75 ไร่ โดยได้มีการต่อรองราคากับนายปรีชา เศรษฐวรพันธุ์ แล้วในราคาไร่ละประมาณ 330,000 บาท โดยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังจึงได้อนุมัติให้จ่ายขาดเงินสะสมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2549 จำนวน 25,000,000 บาท จากการไต่สวนเบื้องต้น ในการจัดซื้อครั้งที่ 1 ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า เจ้าหน้าหน้าที่ของรัฐ ได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

ในการจัดซื้อครั้งที่ 2 เป็นการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง นายกิจ หลีกภัย ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้อนุมัติและเบิกจ่ายเงิน เป็นเงินจำนวน 10,500,000 บาท ตามที่ สภา อบจ.ตรัง ได้อนุมัติ

ต่อมานางปริปัญญา เอียดแก้ว หรือ นางสดใส แซ่อั้ง เจ้าหน้าที่พัสดุ ได้ทำหนังสือ เสนอ นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เพื่อตรวจสอบราคาประเมินที่ดินของนายปรีชา เศรษฐวรพันธุ์ ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 932 เนื้อที่ 7 ไร่ 77 ตารางวา และเลขที่ 934 เนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน 35 ตารางวา ถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง และในวันเดียวกัน นายกิจ หลีกภัย อาศัยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 แต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย นายมณี แป้นน้อย ตำแหน่งผู้อำนวยการกองช่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เป็นประธานกรรมการ นายวสันต์ เครือเพชร ตำแหน่งผู้อำนวยการกองกิจการสภา นายโรม ไชยมล ตำแหน่งนักบริหารงานนโยบายและแผน 7 นายประยูร ช่อเส้ง ตำแหน่งประชาคม หมู่ที่ 2 ตำบลนาเกลือ และนายอำนวย บุญฤทธิ์ ตำแหน่งประชาคม หมู่ที่ 2 ตำบลนาเกลือและเจ้าของที่ดินมาเสนอราคาต่อคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ 

คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ร่วมกันพิจารณาแล้วที่ดินที่จัดซื้ออยู่ในเขตติดต่อกับที่ดินที่จะก่อสร้างท่าเรือนาเกลือขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์ของทางราชการและให้การก่อสร้างท่าเรือนาเกลือสามารถดำเนินการไปได้ตามที่กรมเจ้าท่าได้ออกแบบสำรวจ

3_9

ซึ่งจะทำให้การก่อสร้างท่าเรือเป็นไปอย่างถูกต้องสอดคล้องในเชิงพาณิชย์การประกอบการท่าเรือ เห็นควรให้จัดซื้อที่ดินดังกล่าวและจัดทำการซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อก่อสร้างท่าเรือนาเกลือ เสนอ นายกิจ หลีกภัย เพื่อพิจารณาสั่งอนุมัติให้จัดซื้อที่ดิน ที่ได้เสนอขายที่ดินให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 10,201,875 บาท ตามใบเสนอราคา โดยคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ได้ต่อรองราคากับผู้ขายและผู้ขายยินยอมลดราคาลงเหลือเป็นเงินทั้งสิ้น 10,000,000 บาท โดยพิจารณาจากราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง ที่แจ้งว่าจากการตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนที่ดินแล้ว ปรากฏว่าที่ดินทั้ง 2 แปลง ราคาแปลงที่ 1 เนื้อที่ 6 –0-06 ไร่ ราคาประเมิน 248,100 บาท แปลงที่ 2 เนื้อที่ 7–2-35 ไร่ ราคาประเมิน 324,750 บาท รวมเนื้อที่ 13 ไร่ 2 งาน 41 ตารางวา รวม 572,850 บาท ราคาตามท้องตลาดประมาณ 4 ล้านบาท

แต่นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้พิจารณาและอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินดังกล่าว เป็นเงินทั้งสิ้น 10,000,000 บาท ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ต่อมาคณะกรรมการตรวจรับพัสดุที่มีนางสุภมาส ศรมณี เป็นประธานกรรมการ โดยมีนางปริปัญญา เอียดแก้ว และนางขวัญตา พุทธให้ ร่วมตรวจสอบที่ดินดังกล่าวด้วยและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีความเห็นว่า เนื้อที่ดินและเอกสารสิทธิมีความถูกต้องตรงกัน เห็นควรดำเนินการทำนิติกรรมกับผู้ขายตามกฎหมายที่ดินต่อไป เสนอนายกิจ หลีกภัย ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้อนุมัติให้ดำเนินการและอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินให้กับผู้ขาย เป็นเงิน 10,000,000 บาท  

โดยในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 รวมเนื้อที่ 13 ไร่ 2 งาน 41 ตารางวา ปรากฏว่า นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้พิจารณาและอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินดังกล่าว

โดยที่นางปริปัญญา เอียดแก้ว ไม่ได้สืบหาราคาซื้อขายของที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงบริเวณที่จะซื้อครั้งหลังสุดและคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษไม่ได้พิจารณาราคาซื้อขายของที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงบริเวณที่จะซื้อครั้งหลังสุด ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบเปรียบเทียบราคาท้องตลาดว่าเป็นราคาที่ซื้อขายในท้องตลาดที่แท้จริงหรือไม่ ไม่ตรวจสอบราคาประเมินของทางราชการว่าราคาที่ดินที่จัดซื้อมีความเหมาะสมเพียงใด เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 21 เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ต้องซื้อที่ดินดังกล่าวสูงถึง 10,000,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงมาก

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการประชุม ครั้งที่ 128/2566 มีมติว่า การกระทำของ นายกิจ หลีกภัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาลสุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้นและฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิด ฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79

การกระทำของนางปริปัญญา เอียดแก้ว หรือนางสดใส แซ่อั้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงการกระทำของนายมณี แป้นน้อย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายวสันต์ เครือเพชร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 และนายโรม ไชยมล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

การกระทำของนายปรีชา เศรษฐวรพันธุ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86

สำหรับนายประยูร ช่อเส้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 และนายอำนวย บุญฤทธิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

5_12

เบื้องต้น สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายกิจ หลีกภัย นางปริปัญญา เอียดแก้ว หรือนางสดใส แซ่อั้ง,นายมณี แป้นน้อย,นายวสันต์ เครือเพชร,นายโรม ไชยมลและนายปรีชา เศรษฐวรพันธุ์ ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางปริปัญญา เอียดแก้วหรือนางสดใส แซ่อั้ง,นายมณี แป้นน้อย,นายวสันต์ เครือเพชร,นายโรม ไชยมล,นายเสงี่ยม จันทร์สุวรรณและนายธีรนันท์ สุทธินันท์ และได้ส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ กับนายกิจ หลีกภัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา 91 (1) (๒) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป

ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย

อย่างไรก็ตามการไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด สำหรับนาย กิจ หลีกภัย ปัจจุบันอายุ 89 ปี เป็นพี่ชายของนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกิจนั้น ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ตรัง มายาวนานถึง 25 ปี หรือกว่า 5 สมัย ต่อมามีนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ มาดำรงตำแหน่งต่อจนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับท่าเรือนาเกลืออดีตเคยถูกตั้งความคาดหวังไว้ว่าจะเป็นท่าเรือน้ำลึกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ จ.ตรัง แต่ในปัจจุบันนี้มีเพียงเรือจำนวนไม่กี่ลำและกี่เที่ยวต่อปีที่ได้เข้ามาขนส่งอยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้ ส่งผลทำให้มีรายได้เพียงแค่ไม่กี่บาท ทำให้อบจ.ตรัง ต้องแบกรับภาระในการบำรุงรักษา และดูแลจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากความตื้นเขินของท่าเรือที่เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้ามาเทียบท่าได้ ทำเลและที่ตั้งใน ต.นาเกลือ อ.กันตัง อยู่ห่างไกลและไม่เหมาะสม ประกอบกับว่าผู้บริหารที่เข้ามาดูแลท่าเรือแห่งนี้ไม่มีความชำนาญเท่าที่ควร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส