เปิดแชตสุดท้าย คู่กรณีคดีบุกรุกบ้าน ส่งข้อความหาหลานชายอากู๋

26 ก.พ. 67

 

เปิดแชตสุดท้าย คู่กรณีบุกรุกบ้าน ส่งข้อความหาหลานชายอากู๋ ด้านทนายเดชา ยัน ไม่ได้ใช้สื่อกดดัน ฟาดกลับทนายฝั่งตรงข้าม ลูกความตายเพราะตัวคุณเองหรือไม่ 

จากกรณี น.ส.ภานุมาศ 1 ใน 5 ผู้ต้องหา คดีบุกรุกบ้านอากู๋ ตัดสินใจลาโลกในบ้านพักตัวเอง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 26 ก.พ. 67 ที่สำนักงานทนายเดชา นายภคิน หรือ ซัน หลานอากู๋ แถลงว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัว เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราพร้อมที่จะรอเจรจา และรอไกล่เกลี่ยที่ชั้นศาล เราไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้  ส่วนทนายความฝั่งกล่าวโทษฝั่งเราว่าพยายามใช้อำนาจสื่อกดดันนั้น ตนรู้สึกไม่โอเค 

นายซัน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เห็นว่าทางฝั่งนั้นจะไปที่ศูนย์เจรจา เพื่อยื่นเรื่องขอเจรจา และจะถอนฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ เราก็ตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่มีการถอนฟ้อง และทางนั้นพยายามติดต่อมา แต่ทางเราก่อนหน้านี้ก็ยังโกรธอยู่ เพราะบุกรุกซ้ำซ้อน แต่ตอนนี้เรื่องคดีความเดี๋ยวว่ากันอีกที เพราะต้องปรึกษาอากู๋ก่อน 

ด้าน นาย เดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ในฐานะทนายความของอากู๋ กล่าวว่า มีคู่กรณีท่านหนึ่งฆ่าตัวตาย ทางเราก็รู้สึกเสียใจ และทางอากู๋แจ้งอโหสิกรรมให้กับผู้ตาย ส่วนกรณีที่มีทนายความใส่ร้ายอากู๋ ตน และสื่อมวลชนว่าร่วมมือกันกดดัน จนทำให้ถึงแก่ความตายนั้น เราปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง 

ทนายเดชา กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าคดีที่พนักงานสอบสวนนัดผู้ต้องหา 5 คน รวมถึงผู้ตายไปพบวันที่ 6 มี.ค. 67 ในคดีบุกรุกบ้านอากู๋ครั้งแรก เมื่อผู้ต้องหาเสียชีวิต 1 คน ความผิดก็สิ้นสุดลงเฉพาะตัว 

ทนายเดชา กล่าวว่า ทั้งนี้ก่อนหน้านี้สามีของ น.ส.ภานุมาศ ผู้ตาย และสามีผู้ต้องหาอีกคนได้มาพบกับตน ระบุว่า เขาสำนึกผิดในการบุกรุกบ้านอากู๋ เขายินดีแสดงความรับผิดชอบด้วยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และอยากเข้าไปกราบอากู๋ ตนพยายามเป็นคนกลางคุยกับอากู๋ให้ เชื่อว่าเรื่องคดีความเมื่อไม่จบสิ้น ก็อาจทำให้ น.ส.ภานุมาศมีความเครียด แม้ว่าคนที่ร้องครอบครองปรปักษ์จะเป็นพี่สาวของผู้ตายก็ตาม 

ทนายเดชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาสามีของ น.ส.ภานุมาศ ไม่เคยมีการพูดถึงอาการป่วยของ น.ส.ภานุมาศ พูดถึงแต่เรื่องการกระทำ และยินดีชดใช้ ทั้งนี้ผู้ตายเคยส่งข้อความสุดท้ายให้คุณซันก่อนผูกคอเสียชีวิตว่า ขอให้ทำบุญให้คนป่วย ทำนองเหมือนว่าเขามีโรคประจำตัว 

เมื่อถามว่า ทนายความฝั่งตรงข้ามพยายามพาดพิงว่าเอาสื่อเป็นตัวนำ กดดันฝ่ายตรงข้าม ทนายเดชา กล่าวว่า เรื่องนี้ทางครอบครัวอากู๋เคยร้องเรียนสื่อมาก่อนแล้ว จากนั้นก็มาหาตน ตนดูพยานหลักฐานก็เห็นว่าเป็นการบุกรุก ก็ให้เขาไปแจ้งความ และให้ตำรวจดำเนินคดีทางกฎหมาย ดังนั้นการร้องสื่อถือเป็นเรื่องปกติ เป็นการใช้สิทธิ์โดยชอบ เราไม่ได้กดดันอะไร การพูดของทนายความคนดังกล่าว ถือเป็นการพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบ เราควรถามกลับว่าผู้ตายถึงแก่ความตาย เพราะเขาหรือไม่ คุณไปแนะนำให้เขาบุกรุกบ้านอากู๋เป็นครั้งที่สองหรือไม่ แนะนำให้เอาป้ายครอบครองปรปักษ์มาติดหรือไม่ หรือแนะนำให้เขาตัดกุญแจบ้านหรือไม่ ถามว่าวันนี้ลูกความตาย เพราะตัวคุณเองหรือไม่ 

“ผมฝากถึงทนายความทุกท่าน การเป็นทนายความต้องนึกถึงจรรยาบรรณ บาปบุญคุณโทษ ไม่ควรแนะนำอะไรผิดๆ ให้เขา เพราะถ้าทำผิดจะถูกลงโทษสถานหนัก ต้องมีคุณธรรมจริยธรรม แบบนี้เรียกว่าเถื่อนหรือถ่อย ผมเพิ่งเคยเห็นคดีแรกที่ทนายความทำคดีแล้วลูกความกดดันจนฆ่าตัวตาย ทนายความคนนี้ควรต้องรับผิดชอบต่อลูกความ” ทนายเดชา กล่าว 

ทนายเดชา กล่าวว่า หลังจากอากู๋ทราบว่ามีคู่กรณีผูกคอเสียชีวิตแล้ว ก็อยากให้มีการไกล่เกลี่ย โดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อความสุดท้ายที่ น.ส.ภานุมาศ 1 ใน 5 ผู้ต้องหา คดีบุกรุกบ้านอากู๋ ส่งข้อความสุดท้ายถึง นายซัน หลานชายอากู๋ ทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ระบุว่า “ยังไงก็คิดว่าทำบุญให้คนป่วยแบบพี่ด้วยนะคะ”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส