หนุ่มแค้นอดีตพ่อตา อ้างกีดกันไม่ให้เจอลูกเมีย ขับรถคีบอ้อยทุบบ้านพังยับ

21 ก.พ. 67

หนุ่มแค้นอดีตพ่อตาขับรถคีบอ้อยทุบบ้านพังยับ อ้างช่วยสร้างตัวแต่ไม่สนใจไยดี ถูกกีดกันความรักไม่ให้เจอลูก พ่อตาลั่นพังบ้านกะเอาให้ตายเพราะรู้ว่าตนนอนที่ไหน แฉซ้ำติดยาบ้าหนัก ทำร้ายเมียจนต้องหอบลูกหนีไปอยู่ กทม.

ร.ต.อ.หยกเพชร วรรณพฤกษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.นายูง ได้รับแจ้งเหตุอดีตลูกเขยขับรถคีบอ้อยไปพังบ้านอดีตพ่อตาจนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 174 ม.1 ต.นายูง อ.นายูง จ.อุดรธานี ตรงข้ามกับ รพ.สต.นายูง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนตำรวจสายตรวจและผู้ใหญ่บ้านรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีลูกชายเจ้าของบ้านหรืออดีตน้องเมียผู้ก่อเหตุอยู่ในเหตุการณ์และถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ รวมทั้งมีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างออกมาดูเหตุการณ์และช่วยกันปิดล้อมไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนี

ที่เกิดเหตุพบนายธีระพงษ์ ฤทธิ์เจริญ หรือจ่อย อายุ 32 ปี ชาว ต.หัวนาคำ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี นั่งร้องไห้โวยวายอยู่บนรถคีบอ้อย หลังจากคลุ้มคลั่งขับรถคีบอ้อยพุ่งเข้าชนบ้านและรถกระบะรถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะยกแขนเหล็กที่ใช้คีบอ้อยกระหน่ำทุบตัวบ้านจนทำให้หลังคาชานบ้านและตัวบ้านชั้นล่างและชั้นสองบริเวณหน้าบ้านพังเสียหายไปทั้งแถบ โดยมีนายหนูเวียง บุบภิ อายุ 58 ปี นางอุดม บุบภิ อายุ 51 ปี เจ้าของบ้านอดีตพ่อตาและแม่ยายนายจ่อย นายทศพร บุบภิ อายุ 26 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านอดีตน้องเมียนายจ่อยวิ่งหนีตายพาภรรยานายทศพรและลูกสาววัย 7 เดือนออกไปทางหลังบ้านอย่างสุดชีวิต ไม่นานรถคีบอ้อยสายไฮดรอลิกขาด รถพังเสียหายขับต่อไม่ได้ นายจ่อยได้นั่งร้องไห้โวยวายตัดพ้อต่อว่าครอบครัวอดีตพ่อตา หลังจากนั้นนายหนูเวียงนายทศพรและชาวบ้านได้ออกมาล้อมรถเอาไว้ไม่ให้นายจ่อยหลบหนีกระทั่งตำรวจมาถึงจึงควบคุมตัวไปโรงพัก

1708434391011

ต่อมา พ.ต.อ.ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง ได้นำตัวนายจ่อยมาทำการสอบปากคำและเชิญครอบครัวผู้เสียหายมาให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม นายจ่อยได้ระบายความอัดอั้นตันใจว่าตนไม่รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป ตนไม่สำนึกผิดไม่คิดจะขอโทษครอบครัวอดีตพ่อตา แต่ยอมรับว่าก่อเหตุจริงเนื่องจากแค้นที่ครอบครัวอดีตพ่อตากีดดกันความรักระหว่างตนกับ น.ส.ก้อย อายุ 32 ปี อดีตภรรยา เขาโกรธแค้นที่ไม่ให้โอกาสตนได้เก็บข้าวของที่บ้านหลังเก่าที่เคยอยู่น้อยใจที่เขาไม่ให้เจอหน้าลูกชายวัย 7 ขวบ เขาหอบลูกหนีไปอยู่ที่อื่น ยอมรับว่าเสพยาบ้าแต่ไม่เคยทำร้ายใคร ตนลงแรงช่วยทำงานก่อร่างสร้างตัวจนเขามีทุกวันนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สงสารหรือฟังเหตุผลตนเลย

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านได้ช่วยกันเก็บของและทำความสะอาดไปแล้วบางส่วนแต่ยังเห็นสภาพความเสียหายได้อย่างชัดเจน โดยมีญาติและเพื่อนบ้านต่างทยอยเดินทางมาพูดคุยให้กำลังอย่างต่อเนื่อง และวิพากษ์วิจารณ์ต่อพฤติกรรมของนายจ่อยที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

1708434283917

นายหนูเวียง อดีตพ่อตาเล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนและครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกันอยู่ หลังจากนั้นก็นั่งเล่นพักผ่อนอยู่หลังบ้าน ไม่นานก็ได้ยิงเสียงดังโครมอยู่หน้าบ้านพอวิ่งออกมาดูก็เห็นนายจ่อยขับรถคีบอ้อยมาชนบ้าน และใช้ตัวคีบอ้อยทุบตัวบ้าน พวกตนร้องห้ามแต่นายจ่อยก็ไม่ฟังยังคงพังบ้านอย่างบ้าคลั่ง พวกตนต้องวิ่งหนีตายออกไปทางหลังบ้านโชคดีที่รอดมาได้โดยไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด หากตนขึ้นไปนอนบนบ้านตามปกตินายจ่อยต้องการทำตนให้ถึงตายแน่นอนหากขึ้นไปนอนยังไงตนก็ไม่รอด เขามุ่งมาพังห้องนอนตนก่อนเลย เขารู้ว่าใครนอนห้องไหน ตนยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุดชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ จะได้ไม่ออกมาก่อเหตุซ้ำเพราะครอบครัวตนยังหวาดผวาอยู่

นายหนูเวียงยังบอกอีกว่า นายจ่อยแต่งงานกับ น.ส.ก้อย ลูกสาวตนนาน 13 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนแรกเขาเป็นคนดีมากตนรักเหมือนลูก ระยะหลังเขาทะเลาะกันหนักขึ้น ตนจึงไปปลูกบ้านให้อยู่ด้วยกันในที่ของตนประมาณ 4 ไร่ไม่ห่างจากบ้านหลังนี้ให้เขาอยู่ด้วยกันปรับความเข้าใจกัน แต่หนักไปกว่านั้นนายจ่อยเริ่มติดเสพยาบ้าและมักจะทำร้ายร่างกายลูกสาวตนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ลูกสาวจึงหอบลูกกลับมาอยู่บ้าน นายจ่อยก็ตามมาราวีลูกสาวทนไม่ไหวยืนยันขอเลิกจึงหอบลูกหนีไปทำงานอยู่ กทม.เมื่อต้นปีที่แล้ว กระทั่งนายจ่อยได้ออกจากบ้านไปมีแฟนใหม่ ตนก็ยังให้รถคีบอ้อยคันที่เอามาก่อเหตุเอาไว้ใช้ทำงานไปหารับจ้างคีบอ้อยคีบไม้ แต่เขากลับมาก่อเหตุแบบนี้บ้านพังเกือบทั้งหลัง รถกระบะ 1 คัน รถไถ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คันพังเสียหายเกือบทั้งหมด นายจ่อยขู่อาฆาตมาตลอดขู่จะฆ่าพวกตนยกครัว พวกตนก็ระวังตัวตลอดจนมาเกิดเหตุนี้ขึ้น

1708434331088

เบื้องต้น พ.ต.อ.ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง ได้แจ้งข้อกล่าวหาทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ส่วนข้อหาพยายามฆ่าจะต้องทำการสอบปากคำหาหลักฐานมาประกอบสำนวนอีกครั้ง และอยู่ที่ความประสงค์ของผู้เสียหายด้วย ซึ่งได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งทำการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส